“อังเปา” ภพธรรม ศรีวงษ์
“จากม้านอกสายตา สู่นักหวดทีมชาติ”
คอลัมน์ : เปิดตัวทีมชาติ 2564
“อังเปา” ภพธรรม ศรีวงษ์
“จากม้านอกสายตา สู่นักหวดทีมชาติ”
ในการแข่งขันกีฬามีหลายครั้งที่ ม้านอกสายตา สร้างความประหลาดใจให้ได้เห็น เช่นเดียวกับในรายของ “อังเปา” ภพธรรม ศรีวงษ์ นักเทนนิสดาวรุ่ง วัย 13 ปี ที่เริ่มต้นเส้นทางนักกีฬาเทนนิสด้วยการเป็นเพียง “ตัวประกอบ” ก่อนจะพัฒนาตัวเองจนก้าวมาสู่ตำแหน่งนักเทนนิสเยาวชนทีมชาติไทย 3 ปีซ้อน
หนุ่มน้อยรายนี้มาจาก จ.ชลบุรี เกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2551 ปัจจุบันอายุ 13 ปี เป็นนักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนสาธิต “พิบูลบำเพ็ญ” มหาวิทยาลัยบูรพา เป็นพี่ชายคนโต ของน้องสาวคนเล็ก โดยมีคุณพ่อเกษม ศรีวงษ์ กับคุณแม่ ศิริวรรณ ปิ่นเกสร เป็นผู้ให้กำเนิด
กีฬาชนิดแรกที่ “อังเปา” เริ่มเล่น หาใช่ เทนนิส แต่เป็น กอล์ฟ ทว่าด้วยการเดินทางที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้ครอบครัวเบนเข็มมาที่ เทนนิส ซึ่งมีสนามอยู่ในหมู่บ้านพอดี โดยมี นายชยณัฐ บ้านเนิน หรือ “ครูแขก” เป็นครูคนแรกที่ทำให้รู้จักกับกีฬาเทนนิส ในวัย 5 ขวบครึ่ง ขณะที่โค้ชปัจจุบันคือ “ครูหมี” ชัยวัฒน์ คงกิจภากรณ์ ซึ่งผ่านการเป็นโค้ชของ “ปิ๊ก” ร้อยตำรวจเอก ดนัย อุดมโชค อดีตนักเทนนิสมือ 77 ของโลก มาแล้ว
ในช่วงเริ่มออกแข่งขัน ในรุ่น 8-10 ปี ฝีไม้ลายมือของ “อังเปา” ไม่ได้โดดเด่นชนิดที่ว่าเป็นที่พูดถึง ขณะเดียวกันในเวลานั้นยังมีเพื่อนอีกหลายคนที่ดูดีกว่า แต่หลังจากเริ่มเข้าสู่กระบวนการฝึกซ้อมที่เข้มข้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัด จนสร้างความประหลาดใจให้กับบรรดาคู่แข่ง แม้แต่ครอบครัวของ “อังเปา” เองก็เช่นกัน
จากนักเทนนิสมือรอง ไม่ได้เป็นที่จับตามองจากคู่แข่ง “อังเปา” ใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอม ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ฝึกซ้อมอย่างหนัก จนในที่สุดความพยายามก็มาสัมฤทธิ์ผล หลังฝ่าฟันกับบรรดานักเทนนิสมือดี เข้าไปถึงในรอบชิงชนะเลิศ เทนนิสเยาวชนเพื่อความชนะเลิศแห่งประเทศไทย ครั้งที่57 ปี2562 พร้อมกับคว้าสิทธิ์เป็น 1 ในทีมตัวแทนเยาวชนทีมชาติไทย รุ่นอายุ 12 ปี ไปแข่งขันเทนนิสเยาวชน ประเภททีม รายการ “เซาท์ อีสต์ เอเชีย รีเจียนัล ควอลิฟายอิ้ง อีเวนท์ : ไอทีเอฟ เอเชีย อันเดอร์ ทเวลฟ์ ทีม คอมเพทติชั่น 2019” รอบคัดเลือกโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 27-31 พฤษภาคม 2562 โดยหลังแข่งจบ ได้รองแชมป์มาครอง และได้เป็นตัวแทนจากอาเซียน ไปแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของเอเชีย ที่ประเทศคาซัคสถาน อีกด้วย ซึ่งการมีชื่อรับใช้ชาติในครั้งนั้นถือเป็นการจุดประกายอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้เป้าหมายการเล่นเทนนิส ของ “อังเปา” ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“ยอมรับว่าตอนนั้นเรายังไม่กล้าคิดไปไกล เพราะความสำเร็จในวัย 12 ปี ในกีฬาเทนนิสยังวัดอะไรไม่ได้มาก เราคิดแค่ว่าเป็นโอกาสที่ดีของน้อง ที่จะได้ไปหาประสบการณ์ รวมถึงมองว่าเป็นการสร้างแรงบันดาลใจ และทำให้น้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนยิ่งขึ้น” คุณพ่อเกษม เผยถึงความรู้สึกที่น้องมีชื่อติดธงรับใช้ชาติครั้งแรก…..
หลังจากได้ออกเดินทางไปเปิดโลกต่างแดน ประกอบกับการได้ร่วมเก็บตัวในแคมป์ทีมชาติกับนักหวดรุ่นพี่ ภายใต้การฝึกซ้อมของทีมงานผู้ฝึกสอนของสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทยฯ ทำให้ฝีไม้ลายมือของ “อังเปา” ยกระดับจาก “ม้านอกสายตา” ก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งผู้ท้าชิง พร้อมกับตอกย้ำความสำเร็จด้วยการคว้าตำแหน่งชนะเลิศ เทนนิสเยาวชนเพื่อความชนะเลิศแห่งประเทศไทย รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี เมื่อปี 2563 ต่อด้วยการคว้าแชมป์ PTT-ลอนเทนนิสพัฒนาฝีมือ รอบมาสเตอร์ รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี ในปีเดียวกัน ยาวไปจนถึงการคว้าสิทธิ์เป็นตัวแทนเยาวชนทีมชาติไทย ในรุ่น 12 ปี ได้อีก 1 สมัย
ด้วยสไตล์การตีที่ดุดัน โดยใช้การโจมตีจากท้ายคอร์ต ซึ่งมาพร้อมกับสโตรคที่หนักหน่วง โดยมี โนวัค ยอโควิช ยอดนักหวดชาวเซิร์บ เป็นต้นแบบ ประกอบกับด้วยสภาพร่างกายที่แข็งแรงกำยำ ด้วยส่วนสูงถึง 174 เซนติเมตร แต่ยังมีความคล่องตัวยามอยู่ในคอร์ต รวมถึงความตั้งใจและวินัยที่แข็งขัน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้หลอมรวมเป็นจุดแข็งที่ทำให้ชื่อของ ภพธรรม ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มแถวหน้าของรุ่น จนสามารถก้าวขึ้นมามีชื่อติดทีมชาติรุ่น 14 ปี ได้ในการคัดตัวครั้งที่ผ่านมา
“มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้น้องประสบความสำเร็จ นอกเหนือจากการฝึกซ้อมที่ทำเป็นปกติแล้ว คือความตั้งใจและวินัยที่แข็งขัน ในช่วงหลังน้องจะรู้ด้วยตัวเองว่าต้องทำอะไร มีแรงขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติ ซึ่งเกิดจากการที่สิ่งที่เขาก้มหน้าก้มตาทำงานหนัก แล้วเห็นผลในท้ายที่สุด ซึ่งในการคัดทีมชาติครั้งที่ผ่านมา ทำให้น้องได้เริ่มรู้จักกับความกดดัน ในแมทช์ที่นักกีฬาทุกคนมีความคาดหวัง ทำให้ได้เรียนรู้มีวิธีการจัดการตัวเอง ในการเอาตัวรอดตามสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป” คุณพ่อเกษม เผยถึงปัจจัยที่ทำให้ลูกชายประสำความสำเร็จในขั้นแรก…
ขณะที่ “อังเปา” ยังได้เผยถึงความรู้สึกและความประทับใจที่ได้สัมผัสบรรยากาศของการแข่งขันคัดตัวทีมชาติไทยครั้งนี้ด้วยว่า”รู้สึกประทับใจที่ตัวเองขยันฝึกซ้อมมาตลอด จนประสบความสำเร็จในการคัดทีมชาติครั้งนี้ครับ ซึ่งสิ่งที่ยากที่สุดนอกเหนือจากเพื่อนๆ นักเทนนิสที่ฝีมือดีแล้ว คือเรื่องสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้เราต้องอดทนในสนามให้นานที่สุด เพราะในการแข่งขันเทนนิสใครหมดก่อนก็คือผู้เเพ้” และ “อังเปา” ยังเล่าอีกว่า
“ที่ผ่านมา เทนนิสให้อะไรผมเยอะมากมายเลยครับ ทั้งเจอเพื่อนใหม่ๆ ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เพราะได้ไปหลายๆที่ ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง เเละเทนนิสเป็นกีฬาที่สนุกผ่อนคลายดีด้วยครับ ซึ่งเป้าหมายของผมตอนนี้ก็คือ สนุกกับการฝึกซ้อมและการแข่งขัน โดยที่ผลงานจะเป็นตัวกำหนดอนาคต ซึ่งจะต้องค่อยๆวางแผนเป็นไปตามขั้นตอน”
ม้านอกสายตา ก็ยังคงเป็นม้านอกสายตาอยู่วันยังค่ำ หากม้าตัวนั้นไม่มีการพัฒนา กลับกันม้านอกสายตาที่ย้อนดูความผิดพลาดของตัวเอง และนำไปปรับปรุงแก้ไข ก็มีโอกาสที่จะก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จได้เหมือนกับที่ “อังเปา” ภพธรรม ศรีวงษ์ ได้พิสูจน์ให้เห็นด้วยการมีชื่อติดทีมชาติ 3 สมัย พร้อมกับประกาศให้โลกรู้ว่า ม้านอกสายตาตัวนี้ พร้อมที่จะสร้างความประหลาดใจให้กับแฟนกีฬาในอนาคต….