ก้าวที่กล้าของ “ทัดพงษ์ กมลปัญญากร” จากความมุ่งมั่น ขยัน อดทนสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

Written by LTAT Admin

ก้าวที่กล้าของ “ทัดพงษ์ กมลปัญญากร”
จากความมุ่งมั่น ขยัน อดทนสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

คอลัมน์: เปิดตัวทีมชาติ 2564

ก้าวที่กล้าของ “ทัดพงษ์ กมลปัญญากร”
จากความมุ่งมั่น ขยัน อดทนสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

ก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ เริ่มจาก “ก้าวแรก” เสมอ และเมื่อกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าแล้วก็ย่อมเดินไปถึงจุดมุ่งหมายได้ในสักวัน ดีกว่าการนั่งรอให้โอกาสมาถึงซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ หรือจะมีวันนั้นหรือไม่

ถือเป็นแรงขับที่ยิ่งใหญ่ให้นักเทนนิสเยาวชนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี “เดฟ” ด.ช.ทัดพงษ์ กมลปัญญากร ที่แม้จะไม่ได้เกิดมาจากครอบครัวที่มีสายเลือดเป็น”นักกีฬา” แต่ก็อาศัยใจรัก หมั่นฝึกฝน พัฒนาฝีมือศักยภาพของตัวเอง พัฒนาตัวเองจากมือโนเนมจนก้าวมาเป็นแชมป์เยาวชนไทยและตัวแทนทีมชาติไทยได้สำเร็จ

“เดฟ” ด.ช.ทัดพงษ์ กมลปัญญากร มีภูมิลำเนาเป็นชาวจังหวัดบุรีรัมย์ โดยเริ่มเล่นเทนนิสตั้งแต่อายุ 5 ปี 7 เดือน ขณะเรียนที่โรงเรียนอบุบาลฮั่วเคี้ยว จากการได้รับแรงบัลดาลใจ จากกระแสความดังของ “ซูเปอร์บอล” ภราดร ศรีชาพันธุ์ อดีตนักเทนนิสหมายเลข 9 ของโลก นั่นเอง

และคุณพ่อเทอดพงษ์ ชื่นชอบการดูเกมการแข่งขันของ “โรเจอร์ เฟเดอเรอ” อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของโลกชาวสวิตเซอร์แลนด์หลายสมัยก็ทำให้เริ่มมีฝัน อยากให้ “น้องเดฟ” เป็นผู้ที่ชื่นชอบการเล่นกีฬาเทนนิส เริ่มต้นจากซื้อไม้เทนนิสมาหัดตีเล่นๆที่บ้าน สนามหญ้าในหมู่บ้าน ในช่วงหลังเลิกเรียนและในวันหยุด และต่อมาได้ลงซ้อมจริงจังในสนามเทนนิสด้วยวัย 5 ปี 7 เดือน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ พรสวรรค์ หรือแรงผลักดันของครอบครัวที่ส่งให้พัฒนาการการเล่นกีฬาเทนนิสของ เดฟ ดีขึ้นจนถึงขั้นที่ครอบครัว “กมลปัญญากร” ต้องยอมทุ่มเทโดยการย้ายลูกชายจากจังหวัดบุรีรัมย์ ไปอยู่ที่จังหวัดขอนแก่นเพื่อสร้างอนาคตด้านกีฬาเทนนิสโดยฝึกซ้อมเทนนิสอย่างจริงจังภายใต้การดูแลของ “โค้ชผิง” ศิวกร จุฑารุจิเวศ

เดฟอยู่ที่ จ.ขอนแก่นได้ 3 ปี ขณะที่อายุ 10 ปี ชีวิตก็ต้องย้ายบ้านมาอยู่ที่ จ.นครราชสีมาเพื่อสร้างอนาคตด้านกีฬาเทนนิสอีกครั้ง โดยมีนายวิโรจน์ ตัณทเศรณีวัฒน์ (ครูตุ้ย) และ นายธีรภัทร สุจริตพลี (พี่อัถ) เป็นโค้ชเทนนิสให้จนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุผลที่ครอบครัวมองว่า การจะพัฒนาฝีมือได้ดีขึ้นนั้น ต้องวิ่งเข้าหาคู่แข่งที่เก่งกาจ และต้องลงสนามแข่งขันให้บ่อยมากขึ้น

“ด้วยความโชคดีว่าได้คุณปู่คุณย่าที่เสียสละอย่างมาก ท่านทั้งสองคนยอมย้ายบ้านในหลายๆครั้งเพื่อไปอยู่กับหลานและเดฟเองก็ต้องไปปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่และใช้เวลากับการซ้อมเทนนิส อย่างการมาอยู่โคราชเพราะผมเห็นว่าเดฟต้องเข้าไปแข่งขันในกรุงเทพฯให้บ่อยขึ้นเพื่อเจอคู่แข่งที่หลากหลายมากขึ้น”

ย้ายมาอยู่โคราชได้ปีเศษ เดฟก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการแข่งขันและพัฒนาศักยภาพของตัวเองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากผลงาน การติดสำรอง ในการคัดตัวทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปีเมื่อปี 2561 ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 11 ปี

จากนั้น เดฟ ก็มายึดตำแหน่ง “ทีมชาติตัวหลัก” ให้กับทีมเยาวชนไทยรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปีจากการคว้าดับเบิ้ลแชมป์ เทนนิสเยาวชนเพื่อความชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2562 ผลงานปีนี้นับเป็นการ “เปิดประตูสู่โลกกว้าง” และสร้างแรงบันดาลใจให้ เดฟ กับอนาคตในการเล่นกีฬาเทนนิสอย่างมาก เพราะเป็นโอกาสที่ได้ไปแข่งขันเทนนิสเยาวชนยังต่างประเทศ ในฐานะตัวแทนทีมชาติไทย ทั้งการไปแข่งขันรอบคัดเลือกโซนเอเชีย/โอเชียเนีย ที่ประเทศฟิลิปปินส์ และไปแข่งขันรอบไฟนอลระดับเอเชียที่ประเทศคาซัคสถาน

โดยทั้ง 2 แห่งนี้ เดฟ นักหวดเยาวชนจากบุรีรัมย์ผู้นี้ยอมรับว่า ได้ประสบการณ์ใหม่ๆและเริ่มวาดอนาคตในการเล่นเทนนิสให้ตัวเอง พร้อมแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบทั้งเทนนิสและการเรียน ทำให้เขาเรียนรู้ที่จะปรับตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์และมีความรับผิดชอบ โดยเฉพาะเรื่องการเรียน ซึ่งเดฟไม่เคยทิ้ง

แม้ว่าจะมีเวลาเรียนไม่เยอะเหมือนเพื่อนในชั้น ยิ่งในช่วงติดทีมชาติที่เขาต้องไปต่างประเทศ ก็จะเอาหนังสือไปอ่าน ให้เพื่อนส่งการบ้านให้และไล่ตามเก็บงานส่งครูได้ทันตามเวลา เขาสามารถสอบได้ที่ 1 ของห้อง และมีผลการเรียนที่ดี ควบคู่ไปกับการเล่นเทนนิส ซึ่งจุดนี้ทำให้ผมพร้อมสนับสนุนเขาเต็มที่กับการเล่นเทนนิส

“ตอนติดทีมชาติรุ่น 12 ปีผมเองก็ยังไม่ได้คิดว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเองอยากเป็นนักเทนนิสอาชีพ เพราะตอนนั้นก็รู้สึกภูมิใจที่ติดทีมชาติ แต่พอได้ไปแข่งขันที่ฟิลิปปินส์ และพาทีมเข้าไปเล่นในระดับเอเชีย ทำให้ผมเห็นว่าผมยังมีอะไรให้ต้องพัฒนาต่อไปอีกเยอะ ยิ่งในระดับเอเชีย ผมได้เพื่อนต่างชาติใหม่ๆได้เห็นการฝึกซ้อมที่เป็นระบบ ได้เรียนรู้ว่าเส้นทางการเล่นกีฬาเทนนิสไม่ใช่แค่ติดทีมชาติอีกแล้ว เราต้องไปเล่นในระดับนานาชาติ ระดับอาชีพให้ได้”

ในปี 2563 เป็นปีที่ร่างกายของ เดฟ มีการเจริญเติบโต ร่างกายเริ่มยึดตัว มีการปรับเปลี่ยนหลายอย่าง อาการบาดเจ็บก็เริ่มมีเข้ามาเรื่อยๆและร้ายแรงสุดคือประสบอุบัติเหตุแขนซ้ายหัก ก่อนการคัดเลือกทีมชาติไม่กี่วัน ทั้งที่ได้สิทธิการการเข้าคัดโดยมี แรงกิ้ง 1 ใน 16 ของลอนเทนนิสฯ จึงทำให้พลาดการเข้ารับคัดเลือกทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี ในปี 2563

กระทั่งเข้าสู่ปี 2564 เดฟ กลับลงสู่สนามแข่งขันอีกครั้งในการแข่งขันคัดตัวแทนทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี พร้อมสร้างผลงาน “คว้าอันดับที่ 3” จากการแข่งขัน นั่นก็เพียงพอที่จะให้เขามีชื่อติดในโผ “ทีมชาติ” ในรุ่นอายุ 14 ปี

“สำหรับมุมมองของผม เดฟ อาจจะไม่ใช่นักเทนนิสที่เก่งที่สุดของรุ่น แต่เขาเป็นเด็กที่เรียนรู้เร็ว ปรับตัวได้เร็ว และด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นของเขา โดยเฉพาะลูกโฟแฮนด์ที่เด็ดขาด และการเล่นที่หลากหลายทำให้เขาประสบความสำเร็จติดทีมชาติได้อีกครั้ง รวมถึงการเล่นเทนนิสด้วยมุมมองที่เป็นเชิงบวก เต็มที่ในทุกแมตช์ที่ลงสนาม ซึ่งผมได้พยายามบอกเขาทุกครั้งที่ลงสนามแข่งขันว่า แพ้-ชนะไม่สำคัญเท่ากับการได้ลงแข่งโชว์ฟอร์มเต็มที่แล้วหรือไม่”

ขณะที่ เดฟ เองก็ยอมรับว่า การมีโฟแฮนด์ที่ดีอย่างเดียวไม่สามารถช่วยให้ประสบความสำเร็จได้ เพราะฉะนั้นในตอนนี้นอกจากการเตรียมร่างกายให้แข็งแกร่งมากขึ้นแล้ว เกมการเล่นเทนนิสของตัวเองยังต้องมีความเฉียบขาด ตีให้ได้ทั้งโฟร์แฮนด์ แบ็คแฮนด์ รวมถึงลูกเสิร์ฟซึ่งกำลังมีการปรับและพัฒนา

“ส่วนอนาคตเขาจะเลือกเดินหน้ากับเทนนิสต่อ และไปได้สุดทางที่จุดไหนผมก็ไม่รู้ แต่เมื่อลูกมีความสุขและชอบที่จะเล่น มีเป้าหมายที่ชัดเจนเราในฐานะพ่อแม่ก็พร้อมสนับสนุนไปให้สุดทาง ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะประสบความสำเร็จได้แค่ไหน แต่เราก็พร้อมจะสู้ไปด้วยกัน”

ด้านตัว เดฟ ยืนยันว่า เทนนิสเป็นกีฬาที่ท้าทาย ตัวเองพร้อมที่จะพิสูจน์ความสามารถและก้าวไปให้สุดทางแน่นอน ซึ่งเป้าหมายนับจากนี้นอกจากการติดทีมชาติชุดใหญ่แล้วก็คือการเล่นเป็นกีฬาอาชีพ ซึ่งเส้นทางสายนี้ยังไม่รู้ว่าจะไปจุดสิ้นสุดจะอยู่ตรงไหน และอีกนานสักเท่าไหร่กว่าจะไปถึงเป้าหมาย แต่เมื่อคิดที่จะก้าว “เดฟ” ทัดพงษ์ กมลปัญญากร เยาวชนวัย 14 ปีผู้นี้ก็กล้าพอที่จะเดินไปสานฝันให้เป็นจริง แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากหากจะลองดูสักครั้ง…
เพราะปลายทางฝัน คือ ความสำเร็จ ที่รออยู่ …………………………..

ประวัติโดยสังเขป:
ด.ช.ทัดพงษ์ กมลปัญญากร (น้องเดฟ) เกิดวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2550 เป็นชาว จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเป็นบุตรชายคนเล็กจากพี่น้องทั้งหมด 3 คนของคุณพ่อ นายเทอดพงษ์ กมลปัญญากร กับ คุณแม่ นางภัทรียา ธนสารจิรพงษ์ ปัจจุบันศึกษาอยู่ Grade 8/2 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศ นครราชสีมา
เริ่มเล่นเทนนิสขณะอายุ 5 ปี 7 เดือน โดยมีนายศิวกร จุฑารุจิเวศ (พี่ผิง) เป็นโค้ชคนแรก และมี นายวิโรจน์ ตัณทเศรณีวัฒน์ (ครูตุ้ย) กับ นายธีรภัทร สุจริตพลี (พี่อัถ) เป็นโค้ชปัจจุบัน ส่วนสไตล์การเล่นเทนนิสคือ All Court จุดเด่นอยู่ที่ โฟร์แฮนด์วินเนอร์ ชื่นชอบการเล่นเทนนิสของ ราฟาเอล นาดาล อดีตมือ 1 โลกชาวสเปน เพราะชอบสไตล์การเล่นที่หนักแน่นและหลากหลาย

ด้านผลงานดีที่สุด 5 อันดับแรก มีดังนี้
1. ปี 2564 เยาวชนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี
2. ปี 2563 รองชนะเลิศอันดับ 2 รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี รายการเยาวชนเพื่อความชนะเลิศแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 58 ประจำปี 2563 (อายุ 13 ปี)
3. ปี 2562 เยาวชนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี
4. ปี 2562 ชนะเลิศ ชายเดี่ยวและคู่ รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี รายการเยาวชนเพื่อความชนะเลิศแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 57 ประจำปี 2562
5. ปี 2561 เยาวชนทีมชาติไทย(สำรอง) รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี (อายุ 11 ปี)

ส่วนเป้าหมายในการเล่นเทนนิส นอกจากการติดทีมชาติชุดใหญ่แล้ว การมีโอกาสในการเล่นเทนนิสอาชีพคือความฝันอันสูงสุด

LTAT