นักเทนนิสเลิกเล่นตอนไหน?ทำไมบางคนเลิกไว เหตุใดหลายคนยังสุดยอด
เทนนิสเป็นกีฬาที่เล่นได้ทุกเพศทุกวัย แต่การเป็นนักเทนนิสอาชีพมีช่วงเวลาจำกัด เมื่อร่างกายและจิตใจบอกว่าถึงเวลาก็ต้องโบกมือลาอาชีพนี้
มีการศึกษาว่านักเทนนิสจะเลิกเล่นกันตอนไหนเป็นส่วนใหญ่ เพราะอะไร ออกมาได้น่าสนใจทีเดียว
สาเหตุของการเลิกเล่นอาชีพนั้น ปัจจัยหลัก คือ สภาพร่างกาย อาการบาดเจ็บ และการหมดแรงจูงใจในการเล่น ทำให้ผลงานในสนามไม่ดีอย่างที่เคยเป็น
เทนนิสเป็นกีฬาที่ต้องใช้ร่างกายอย่างหนัก และต้องแข่งขันกันตลอดทั้งปี ซึ่งถ้าอยากจะเป็นมือท็อปของโลกก็ต้องรักษาสภาพร่างกายและผลงานให้ดีไปอย่างต่อเนื่อง แถมช่วงพักหลังจบฤดูกาลก็มีเวลาว่างเพียง 2 เดือน คือ พฤศจิกายน – ธันวาคมเท่านั้น อย่างไรก็ตามการทำงานหนักมาตั้งแต่เป็นนักหวดเยาวชน ทำให้คนที่จะเอาดีทางการเป็นนักเทนนิสอาชีพชินกับตารางเวลาที่ต้องทุ่มให้เทนนิสและการดูแลร่างกายอยู่แล้ว
มือและตาเป็นอวัยวะที่ต้องทำงานให้สอดคล้องกันถ้าอยากมีผลงานที่ดี ถ้าความสัมพันธ์ของทั้งสองอวัยวะไม่ดี โอกาสเสียแต้มก็มีสูง ส่งผลไปถึงความพ่ายแพ้ เพราะความผิดพลาดเล็กน้อยในการแข่งขันเทนนิส อาจจะมีผลมหาศาลในแมทช์นั้นๆ เลยก็ได้
ในกีฬาประเภททีม นักกีฬาที่อายุมากกว่าคนอื่น อาจจะลดบทบาทของตัวเองลง เพื่อให้คนอื่นๆ ที่สดกว่า แข็งแรงกว่า เอาชนะคู่แข่งได้ แต่เทนนิสเป็นกีฬาประเภทบุคคลหรือมากที่สุดก็แค่ 2 คน จึงต้องแบกความหนักหน่วงในการต่อสู้เอาไว้กับตัวเอง และต้องซ้อม ต้องแข่งขันอย่างสม่ำเสมอ ถึงจะก้าวไปสู่ชัยชนะได้
มารัต ซาฟิน และแอนดี้ ร็อดดิก ที่แข็งแกร่งมากยามท็อปฟอร์ม แต่เมื่อเจออาการเจ็บมาเล่นงานบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ก็หมดความน่าเกรงขามลง และประกาศอำลาคอร์ตไปในที่สุด
การหมดไฟก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลิกเล่น เพราะในวงการเทนนิสระดับโลก น้อยมากที่จะเห็นดาวรุ่งสักคนที่จะก้าวกระโดดขึ้นมาจากการเล่นเทนนิสเพียง 1-2 ปี แล้วเติบโตไปเป็นดาวเด่นในระยะยาว เนื่องจากเทนนิสเป็นกีฬาที่ต้องใช้ทั้งร่างกายและประสบการณ์ในสนามมาผนวกรวมกัน ยกตัวอย่าง โคโค่ กอฟฟ์ นักหวดอเมริกัน ที่โด่งดังเป็นพลุแตกในปี 2019 เธอทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในแกรนด์สแลม “วิมเบิลดัน” และ “ยูเอส โอเพ่น” ทั้งๆ ที่อายุแค่ 15 ปีเท่านั้น ทำให้คนคาดหมายกันว่ากอฟฟ์จะก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์แกรนด์สแลมในอีกไม่นาน ซึ่งตอนนี้กอฟฟ์ก็ยังไม่ไปถึงจุดนั้น เพราะมันอาจจะมีความผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นระหว่างทางหลังจากนั้น ทำให้สภาพจิตใจไม่แข็งแรง ส่งผลต่อผลงานแบบไม่น่าเชื่อ จนเป็นเหตุผลของนักเทนนิสบางคนที่เลือกจะเล่นตั้งแต่อายุยังน้อย
บียอร์น บอร์ก นักหวดสวีเดน เลิกเล่นไปตอนอายุ 26 ปี ทั้งๆ ที่ยังเป็นนักเทนนิสระดับท็อปของโลก ทำให้คนจำนวนมากที่รู้ว่าเขาเลิกเล่นต่างตกใจกันทั้งนั้น บอร์กให้เหตุผลว่า เขาไม่อยากที่จะเดินทางไปรอบโลกและเล่นเทนนิสอีกแล้ว
อนา อิวาโนวิช เคยก้าวขึ้นเป็นมือ 1 ของโลก คว้าแชมป์แกรนด์สแลม “เฟร้นช์ โอเพ่น” แต่ก็เลิกเล่นไปตอนอายุแค่ 28 ปี เพราะอยากจะไปทุ่มเทกับครอบครัวมากกว่า
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ยังไม่รู้เลยว่าอายุเท่าไร ตอนไหน ที่นักเทนนิสควรจะเลิกเล่นอาชีพ
ที่ผ่านมามักจะเห็นนักเทนนิสเลิกเล่นตอนอายุ 30-35 ปี แต่โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ และเซเรน่า วิลเลียมส์ กำลังขยับเข้าสู่วัย 40 กันแล้ว ถือเป็นมาตรฐานใหม่ของนักเทนนิสระดับโลกที่เล่นกันมายาวนานและอยู่ในระดับชั้นนำในวัยขนาดนี้
ปัจจัยที่ทำให้พวกเขายังอยู่และอยู่รอดได้ เพราะความกระหายที่จะคว้าแชมป์ และเงินรางวัลมหาศาลที่ยังไม่ควรปล่อยให้หลุดมือ ข้อได้เปรียบของนักหวดเก๋าๆ อาจจะไม่ใช่เรื่องของร่างกาย แต่เป็นเรื่องของเทคนิคและประสบการณ์ที่ทำให้เอาชนะนักเทนนิสพลังหนุ่มสาวได้เรื่อยๆ ที่สำคัญไปว่านั้นเรื่องของสภาพจิตใจ เมื่ออยู่ในสังเวียนมานาน ก็ย่อมต้องจิตแข็งกว่าเป็นธรรมดา ยิ่งฝ่ายชายที่ต้องเอาชนะ 3 ใน 5 เซต ในศึกแกรนด์สแลมด้วยแล้ว จิตใจที่แข็งแกร่งเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก และดูเหมือนว่าการเล่นเทนนิสอาชีพจนอายุทะลุหลัก 40 กำลังจะกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในเร็วๆ นี้
สิ่งที่ทำให้นักเทนนิสอายุ 30+ ยังอยู่ยงคงกระพันได้ มาจากการที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ วิยาศาสตร์การกีฬา รวมไปถึงหลักโภชนาการ หลักจิตวิทยาต่างๆ พัฒนาไปไกลมาก เมื่อมีเงินทุนในการจ้างทีมงานเหล่านี้มาดูแล และเดินทางกันไปเป็นทีมตลอดในทัวร์ โอกาสจะเล่นได้ท็อปฟอร์มอย่างสม่ำเสมอ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัว
การจะเลิกเล่นตอนไหน อยู่ที่ปัจจัยที่เหมาะสมของแต่ละคน แต่หลังจากนี้อาจจะเห็นนักเทนนิสเลิกเล่นช้าลงอีกหลายคนทีเดียว
ภาพจาก
www.tennisworldusa.org
www.vogue.co.uk
sfcriga.com
