มารู้จัก “ไหม” มนัญชญา สว่างเเก้ว หนึ่งในความหวังของเทนนิสไทยและเจ้าของสถิติ “อายุน้อยที่สุด”

Written by LTAT Admin

มารู้จัก “ไหม” มนัญชญา สว่างเเก้ว หนึ่งในความหวังของเทนนิสไทยและเจ้าของสถิติ “อายุน้อยที่สุด”

คอลัมน์ : เปิดตัวทีมชาติ 2564
หากจะพูดถึงนักกีฬาเทนนิสแถวหน้าของบ้านเราในตอนนี้ แน่นอนว่าต้องมี “ไหม” มนัญชญา สว่างเเก้ว จากจังหวัดสิงห์บุรี รวมอยู่ด้วย เธอเป็นหนึ่งในขุนพลนักหวดหญิงทีมชาติไทยชุดใหญ่ ประจำปี 2564 ของสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

เธอเป็นนักเทนนิสที่น่าสนใจ ไม่เฉพาะแค่เรื่องฝีมือการตีลูกสักหลาด แต่ยังมีมุมมองส่วนตัวและความคิดดีๆ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญส่วนหนึ่งที่นำพาเธอก้าวมาถึงความสำเร็จ ณ จุดนี้ จุดที่ใครหลายๆ คนอยากมีโอกาสสักครั้ง นั่นคือการได้สวมเสื้อติด “ธงไตรรงค์” บนยอดอกและออกไปรบเพื่อประเทศชาติบนสังเวียนกีฬา
“ไหม-มนัญชญา” เป็นลูกสาวคนเล็กของคุณพ่อมนตรี กับคุณแม่พิริยา สว่างเเก้ว เจ้าของร้านอาหาร “รำพึง” ตำนานอาหารจานปลา แห่งจังหวัดสิงห์บุรี มีพี่สาว 1 คนคือ “ฝ้าย” นภารัชต์ สว่างเเก้ว ซึ่งเล่นกีฬาเทนนิสเหมือนกัน และเป็นหลาน “คุณตาเรือง” ดาวเรือง จันทร์เชื้อ กองเชียร์ขาประจำสนามเทนนิสของสมาคมกีฬาลอนเทนนิสฯ ในเมืองทองธานี

จุดเริ่มต้นของ “ไหม” กับกีฬาเทนนิส เกิดขึ้นในวัย 4 ขวบ โดยมีคุณพ่อมนตรี เป็น “ครูคนแรก” ที่สอนให้หัดจับแร็กเก็ตและปลูกฝังให้รักในกีฬาชนิดนี้ ปัจจุบัน “ไหม” ในวัย 18 ปี อยู่ในความดูแลของทีมงานผู้ฝึกสอนแห่งค่าย “สิงห์ คอร์ปอเรชั่น” ซึ่งดูแลกันมาตั้งแต่เธออายุได้ 12 ปี อาทิ “ครูตู่” ธารวัฒน์ ค้าเจริญ, “โค้ชบอล” ยอดชาย คงขันธ์, “โค้ชกี่” สุบิน ศรีชาแอน, “โค้ชส้ม” อชิรญา ศรีพรหม และ “โค้ชเน็ต” สุทธินันท์ ตัณฑเศรณีวัฒน์ เป็นต้น

ขณะที่เรื่องการเรียน เธอจบระดับมัธยมศึกษาจาก โรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรี และตอนนี้เป็นนักศึกษา ปี 1 คณะวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสุพรรณบุรี ย้อนกลับไปที่เรื่องมุมมองส่วนตัวและความคิดดีๆ ของ “ไหม-มนัญชญา” ตามที่เกริ่นไว้ในช่วงต้นเรื่อง ซึ่งเจ้าตัวกล่าวไว้ได้อย่างน่าสนใจ

“ในศึกคัดทีมชาติครั้งนี้ คู่แข่งขันทุกคน ซึ่งล้วนเป็นนักเทนนิสอันดับต้นๆ ของประเทศ ต่างมีเวลาในการเตรียมความพร้อม และเราไม่ได้เห็นฟอร์มการเล่นกันมานาน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ฉะนั้น ไหมจึงคิดแค่ว่าเราทำหน้าที่ให้ดีที่สุดก็พอ จะติดหรือไม่ติดก็ไม่เป็นไร เพราะเราได้ทำเต็มที่แล้ว แต่ในที่สุดก็ทำได้ ดีใจมากค่ะ เพราะเหนื่อยมาก ต้องเล่นหลายแมทช์

ทุกครั้งที่ไหมลงสนามแข่งขัน ไม่ว่าจะรายการอะไร จะเล่นให้เต็มที่มากที่สุด จะไม่คิดว่าเราต้องชนะ เราจะแพ้ไม่ได้ การคิดแบบนั้นมีแต่จะกดดันตัวเอง ทำให้เกิดความเครียด เล่นเทนนิสไม่สนุก แต่ถ้าเราคิดว่าเราเล่นเต็มที่แล้ว ถึงจะแพ้เราก็จะไม่เสียใจ”

ย้อนกลับไปดูผลงานในระดับเยาวชน “ไหม” สร้างสรรค์ผลงานได้สวยงามหลายครั้ง จนก้าวขึ้นไปรั้งมืออันดับ 14 เยาวชนโลก นับว่าสูงที่สุดในบรรดานักเทนนิสเยาวชนไทยด้วยกัน
นอกจากนี้ยังได้ร่วมการแข่งขันเทนนิสรายการใหญ่ที่นักหวดเยาวชนทั่วโลกใฝ่ฝัน นั่นคือศึกแกรนด์สแลม ได้ลงแข่งขัน “จูเนียร์ วิมเบิลดัน 2018”, “จูเนียร์ ยูเอส โอเพ่น 2019” และ “จูเนียร์ ออสเตรเลียน โอเพ่น 2019” ซึ่งในรายการนี้ “ไหม” ทำผลงานได้ดีที่สุดคือ ผ่านเข้าไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ได้ทั้งประเภทเดี่ยวและคู่

ขณะที่ผลงานจากรายการอื่นๆ ก็มีไม่น้อย อาทิ แชมป์ประเภทหญิงเดี่ยวและประเภทหญิงคู่ จากรายการ “เอชซีแอล เอเชี่ยน จูเนียร์ เทนนิส แชมเปี้ยนชิพ 2018” ไอทีเอฟ จูเนียร์ เกรด บี 1 ที่เมืองปูเน่ ประเทศอินเดีย, แชมป์ประเภทหญิงเดี่ยว รายการ “2017 ซอกวิโพ เอเชีย/โอเชียเนีย จูเนียร์ แชมเปี้ยนชิพส์” เกรด บี 1 ที่เมืองเซจู ประเทศเกาหลีใต้ เป็นต้น

ทว่า ผลงานที่น่าทึ่งอีกรายการคือ ตอนอายุ 15 ปี “ไหม” สร้างสถิติใหม่ให้วงการเทนนิสไทย ตอนนั้นเธอเป็นมืออันดับ 1,214 ของโลก ได้ไวลด์การ์ดลงแข่งขันเทนนิสอาชีพที่หัวหิน ไอทีเอฟ โปร เซอร์กิต รายการ “แคล-คอมพ์ แอนด์ เอ็กซ์วายซี ปริ้นติ้ง ไอทีเอฟ โปร เซอร์กิต” สัปดาห์ที่ 2 ปี 2018 ชิงเงินรางวัลรวม 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ เธอฝ่าด่านไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ประเภทหญิงเดี่ยว และสามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ทำให้ “ไหม” ได้ก้าวขึ้นสู่ทำเนียบ “แชมป์” เทนนิสอาชีพหญิงรายการแรกในชีวิตได้สำเร็จ

ที่บอกว่าเธอสร้างสถิติใหม่ให้วงการเทนนิสไทย เพราะเมื่อเทียบข้อมูลจากการคว้าแชมป์อาชีพแรกของนักหวดหญิงรุ่นพี่แล้ว ปรากฏว่า “ไหม” ทำได้ตอนอายุน้อยกว่านักหวดไทยด้วยกัน จึงเป็นการคว้าแชมป์เทนนิสอาชีพ ไอทีเอฟ โปร เซอร์กิต ที่ “อายุน้อยที่สุดของไทย” ด้วยวัย 15 ปี

จากข้อมูล “แทมมี่” ร.ต.อ.หญิง แทมมารีน ธนสุกาญจน์ ยอดนักหวด อดีตมือ 19 ของโลก คว้าแชมป์อาชีพแรกจากรายการไอทีเอฟ โปร เซอร์กิต ในวัย 16 ปี ในการแข่งขันที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เดือนธันวาคม ปี 1993 ด้าน “ลัก” ลักษิกา คำขำ ยอดนักหวดหญิงของไทยอีกราย คว้าแชมป์อาชีพแรก ในวัย 17 ปี ในการแข่งขันที่พัทยา ประเทศไทย เดือนตุลาคม ปี 2010

ส่วน ร้อยตำรวจโทหญิง นพวรรณ เลิศชีวกานต์ อดีตนักหวดเยาวชนมือ 1 ของโลก แชมป์เยาวชนแกรนด์สแลม และอดีตมือ 149 ของโลก คว้าแชมป์อาชีพรายการแรก ในวัย 17 ปี ในการแข่งขันที่ประเทศอินโดนีเซีย ปี 2008 และ “แจน” สุชานัน วิรัชประเสริฐ อดีตมือ 172 ของโลก คว้าแชมป์อาชีพรายการแรก ในวัย 16 ปี ในการแข่งขันที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ปี 1999

ขณะที่ข้อมูลในเว็บไอทีเอฟ ระบุว่า ภราดร ศรีชาพันธุ์ หรือ “ซูเปอร์บอล” อดีตมืออันดับ 9 ของโลก คว้าแชมป์อาชีพรายการแรก ในวัย 19 ปี ในการแข่งขันที่ประเทศไทย ปี 1998 ส่วน “ปิ๊ก” ร.ต.อ.ดนัย อุดมโชค อดีตอันดับ 77 ของโลก ได้แชมป์อาชีพรายการแรก ในวัย 18 ปี ในการแข่งขันที่ประเทศไทย ปี 1999

นักหวดสิงห์บุรีคนนี้เคยติดทีมชาติไทยมาแล้วตั้งแต่ระดับเยาวชน ในรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี ก่อนขยับขึ้นมาติดทีมชาติชุดใหญ่ มีชื่อร่วมทัพไปแข่งขันมหกรรมกีฬาของชาวเอเชีย “เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18” ที่ประเทศอินโดนีเซีย ปี 2018 รวมทั้งศึกเทนนิสชิงแชมป์โลก ประเภททีมหญิง รายการ “เฟดคัพ” ปี 2019 และล่าสุดคือ ศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม ปลายปีนี้

“ไหมยังไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศของซีเกมส์ ยังไม่ทราบถึงแรงกดดันจากกองเชียร์ที่รุ่นพี่เล่าให้ฟัง แต่หากมีโอกาส จะพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดค่ะ” มนัญชญา กล่าว และยังได้เผยถึงเป้าหมายในการเล่นเทนนิสอาชีพด้วยว่า
“นับตั้งแต่มีสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เดินทางออกไปแข่งขันได้ยาก ฉะนั้น ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ควรเตรียมร่างกายให้มีความพร้อมมากที่สุด เพราะหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลงแล้ว เราจะได้พร้อมเต็มที่ ก่อนออกไปแข่งขันรายการต่างๆ เพื่อเป้าหมายในการทำผลงานที่ดี เพราะไหมตั้งเป้าจะไต่ขึ้นไปอยู่ท็อป 100 ของโลกให้ได้ สำหรับที่ผ่านมา ก็ต้องขอบคุณกำลังใจจากครอบครัว และขอบคุณทีมงานผู้ฝึกสอนของ สิงห์ คอร์ปอเรชั่น ที่ดูแลมาตลอดค่ะ”

ทั้งหมดนั่นคือเรื่องราวของ “ไหม” มนัญชญา สว่างแก้ว นักเทนนิสหญิงที่น่าจับตาอีกคน ซึ่งเป็นความหวังของวงการกีฬาลูกสักหลาดบ้านเรา
ขอเป็นกำลังใจให้เธอก้าวไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ และเอาใจช่วยให้สร้างสถิติใหม่ขึ้นอีก

“ไหมสู้ๆ ไทยแลนด์สู้ๆ”

LTAT