อัญชิสา ฉันทะ : “กว่าจะมายืนจุดนี้ ต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ก่อน”

Written by LTAT Admin

อัญชิสา ฉันทะ : “กว่าจะมายืนจุดนี้ ต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ก่อน”

คอลัมน์ : เปิดตัวทีมชาติ 2564
อัญชิสา ฉันทะ : “กว่าจะมายืนจุดนี้ ต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ก่อน”

ในโลกของกีฬา นอกจากต้องต่อสู้กับคู่แข่งในสนามเพื่อให้ได้ชัยชนะ เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่สำคัญและยากยิ่งกว่าคือการเอาชนะใจตัวเองให้ได้เสียก่อน ดั่งคำสอนของ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ประทานพรและพระโอวาทแก่นักกีฬาทีมชาติไทยที่ไปร่วมการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่ประเทศอินโดนีเซีย เอาไว้ว่า “อตฺตา ทเว ชิตํ เสยฺโย” แปลว่า “ชนะตนนั่นแลดีกว่า” ซึ่งนักกีฬาทุกคนกว่าจะได้เข้าร่วมอยู่ในทีมชาติและกว่าจะได้ผ่านเข้าสู่การแข่งขันระดับนานาชาติ ย่อมต้องฝึกฝนซักซ้อมมาอย่างหนัก นั่นหมายความว่า ทุกคนต่างก็เป็นผู้ชนะตนเองมาแล้วในระดับหนึ่งคือ เอาชนะความอ่อนแอ ความเกียจคร้าน ความไม่มีวินัย ซึ่งล้วนเกิดจากกิเลสในใจตนเอง เมื่อนักกีฬาสามารถเอาชนะตนเองได้สำเร็จ จึงสามารถก้าวออกไปชิงชัยกับนักกีฬาของชาติอื่นๆ ได้

เช่นเดียวกับ อัญชิสา ฉันทะ หรือ “ออมสิน” นักเทนนิสหญิงดาวรุ่งที่ต้องต่อสู้กับหัวใจตัวเองมาหลายครั้งหลายครา กว่าจะก้าวขึ้นมาติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรกด้วยวัย 17 ปี และสามารถคว้าเหรียญทองแดงได้ในศึกซีเกมส์ 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ รวมถึงคว้าสิทธิ์เป็นตัวแทนทีมชาติไทยได้อีกครั้งในการคัดตัวครั้งล่าสุด

“ออมสิน” เกิดเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2545 ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นลูกสาวของ คุณพ่อธนพล และคุณแม่นพพร ฉันทะ มีพี่ชาย 1 คน คือ “โอเว่น” ธนเพชร ฉันทะ ประกอบกันเป็นครอบครัวที่อบอุ่น โดย อัญชิสา จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรี และปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสุพรรณบุรี คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา ปี 1

ย้อนไปในวัยเด็กก่อนที่ “ออมสิน” จะเริ่มต้นเล่นกีฬาเทนนิส กิจวัตรประจำวันของเธอคือการตามติดพี่ชาย (โอเว่น)ไปสนามเทนนิส เป็นภาพชินตา จนกาลเวลาผ่านไป ผู้เป็นน้องเวลาเห็นผู้พี่ทำอะไรก็อยากจะทำตาม ในที่สุดจากผู้ติดตาม เปลี่ยนสถานะมาเป็น ผู้เล่นในสนาม ทว่าเส้นทางเทนนิสในวัยเด็กของ “ออมสิน” ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ผลงานที่ไม่เป็นดั่งใจหวังทำให้ความกดดันเพิ่มมากขึ้น สวนทางกับความสนุกในการเล่นที่ลดลง จนเคยหันหลังให้กับกีฬาเทนนิสมาแล้ว ก่อนจะได้ครอบครัวเคี่ยวเข็ญให้กลับมาโฟกัสตามเส้นทางเดิมที่เคยตั้งเป้าไว้ ด้วยการผลักดันให้ “ออมสิน” ย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อที่จะได้ทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมได้อย่างเต็มที่ โดยมี “โค้ชเอ็กซ์” พชรพล คำสมาน รับหน้าที่เป็นผู้ดูแล จนสามารถยกระดับทำให้ “ออมสิน” ก้าวขึ้นมามีผลงานและติดทีมชาติในระดับเยาวชน

แม้ว่าอายุยังอยู่ในเกณฑ์ที่ลงแข่งขันในรุ่นเยาวชนได้ แต่เมื่อมีโอกาสและจังหวะที่เหมาะสม ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะปฏิเสธประสบการณ์ในการแข่งขันระดับอาชีพ ซึ่งการที่บ้านเราได้รับหน้าที่จัดการแข่งขันแมทช์อาชีพ ทำให้ “ออมสิน” ได้ลับฝีมือ และเรียนรู้เกมกับนักกีฬาต่างชาติ จนพัฒนาเกมการตีขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงวัย 17 ปี ที่แม้จะต้องเหนื่อยในการลงเล่นตั้งแต่รอบคัดเลือก กลับกันทำให้ “ออมสิน” ลงสนามแบบไร้ความกดดัน จนสามารถทำผลงานผ่านเข้ารอบตัดเชือก รวมถึงรอบชิงชนะเลิศ ในรายการระดับชิงเงินรางวัลรวม 15,000-25,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมกับขยับอันดับโลกขึ้นมาอยู่ที่ 500 ของโลกได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว

“ตอนนั้นหนูตีแบบไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ เพราะนักกีฬาที่เจอทุกคนมีทุกอย่างเหนือกว่า ทั้งอายุ ประสบการณ์ และอันดับโลก ซึ่งหนูประทับใจและภูมิใจกับตัวเองมากๆ มีแมทช์หนึ่งในการเล่นกับนักเทนนิสญี่ปุ่น ในรอบตัดเชือก เทนนิสอาชีพ รายการชิงเงินรางวัล 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ นักกีฬาญี่ปุ่นขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของความเคี่ยว แต่หนูก็สามารถผ่านเขาไปได้ ถือว่าเกินเป้าที่ตั้งเอาไว้มากๆ”

กราฟเส้นทางการเล่นเทนนิสของ “ออมสิน” เป็นไปในทิศทางบวก หลังพิสูจน์ตัวเองในการลงเล่นระดับอาชีพในวัยทีนเอจได้แล้ว เป้าหมายต่อมาคือการมีชื่อรับใช้ประเทศในฐานะนักกีฬาเทนนิสทีมชาติไทย ซึ่งเธอใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถก้าวขึ้นมาติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในศึกซีเกมส์ 2019 ที่ประเทศฟิลิปินส์ พร้อมกับสร้างเซอร์ไพรซ์ด้วยการเป็นม้านอกสายตาที่คว้าเหรียญทองแดง ในประเภทหญิงเดี่ยว มาครองได้ ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กลับกลายเป็นตัวทิ่มแทง และก่อตัวเป็นความกดดันในยามที่ต้องกลับมาเข้าสู่โหมดการแข่งขันเทนนิสอาชีพ ผลงานไม่เป็นดั่งใจหวัง บั่นทอนความรู้สึก จนเป็นอีกครั้งที่มีความคิดหันหลังให้กับเทนนิส

“มันเกิดจากการที่หนูออกไปแข่งแล้วก็แพ้ซ้ำซาก แพ้ในรอบที่ไม่น่าแพ้ ในหลายแมทช์ที่คิดว่าสามารถชนะได้แน่ๆ แต่สุดท้ายกลับมาแพ้ ตอนนั้นคิดกับตัวเองว่าเดินทางมาแข่งต่างประเทศ 2 สัปดาห์ ชนะได้แค่แมทช์เดียว มันเสียเวลา ทำให้สภาพจิตใจดำดิ่ง และสูญเสียความมั่นใจไปเลยค่ะ”

อย่างไรก็ดี กำลังใจจากคนใกล้ตัว ทำให้ “ออมสิน” กลับมาอยู่ในเส้นทางของตัวเอง พร้อมกับมีชื่อติดทีมชาติชุดใหญ่อีกครั้ง ในศึกเทนนิสชิงแชมป์โลก ประเภททีมหญิง รายการ “เฟดคัพ บาย บีเอ็นพี พาริบาส์ 2020” โซนเอเชีย/โอเชียเนีย กลุ่ม 2 ที่กรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ โดยฝากผลงานส่วนตัวของตัวเองไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการเก็บชัยชนะได้ทั้ง 3 แมทช์ที่ลงชิงชัย

“บรรยากาศในทีมตอนไปเฟดคัพที่นิวซีแลนด์ ดีมากๆ ค่ะ โดยเฉพาะการมี พี่แทมมี่ (ร.ต.อ.หญิง แทมมารีน ธนสุกาญจน์) ร่วมทีมไปด้วย ทำให้ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง พี่แทมมี่แนะนำดีมากๆ หนูจำได้ว่าช่วงนั้นหนูยังตีลูก หลอบ ไม่ดี ก็ได้พี่แทมมี่คอยสอน ให้คำแนะนำ รวมถึงความเป็นมืออาชีพที่เขาแสดงออกมายามอยู่ในคอร์ต แม้แต่ตอนพี่เขาเสียแต้มก็ไม่มีทีท่าหงุดหงิด ตรงข้ามกับหนู ที่หลายๆ ครั้งยังแสดงอาการยามไม่ได้ดั่งใจ ก็ได้เรียนรู้จากพี่เขาตรงจุดนี้ ยิ่งทำให้ยิ่งรู้สึกประทับใจในตัวพี่เขาเพิ่มขึ้นไปอีก” ออมสิน เผยถึงความประทับใจที่ได้ร่วมทีมเดียวกับ พี่แทมมี่ ในการรับใช้ชาติในศึกเฟดคัพ

นักหวดสาวประจวบฯ รายนี้ แม้จะมีรูปร่างเล็ก แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง มีสไตล์การโจมตีจากท้ายคอร์ต (aggressive base liner) ซึ่งหลังจากสร้างชื่อในนามตัวแทนทีมชาติ “ออมสิน” ยังมีผลงานในเวทีระดับอาชีพที่โดดเด่นตามมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงแข่งแมทช์อาชีพในประเทศ หลายรายการ อาทิ รองแชมป์หญิงเดี่ยว เทนนิสเพื่อความชนะเลิศแห่งประเทศไทย ปี 2563, แชมป์หญิงคู่ เทนนิสเพื่อความชนะเลิศแห่งประเทศไทย ปี 2563, แชมป์หญิงเดี่ยว “ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนชิพ” ครั้งที่ 2 ปี 2563 และแชมป์หญิงคู่ “ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนชิพ” ครั้งที่ 2 ปี 2564

ขณะที่การแข่งขันคัดเลือกตัวแทนนักกีฬาทีมชาติไทยชุดใหญ่ ประจำปี 2564 ของสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ที่ผ่านมา “ออมสิน” ถูกยกให้เป็นหนึ่งในตัวเต็ง และได้รับการคาดหวังว่าจะติดทีมชาติได้ไม่ยาก เพราะมีผลงานที่ดีในการแข่งขันภายในประเทศ อีกทั้งยังเคยผ่านประสบการณ์ในเวทีระดับทีมชาติมาบ้างแล้ว อย่างไรก็ตามขึ้นชื่อว่าแข่งขันคัดตัวทีมชาติไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งนอกจากจะเป็นเวทีใช้วัดฝีมือบรรดานักหวดระดับชั้นนำของบ้านเรา ณ เวลานี้แล้ว ยังเป็นบททดสอบความแข็งแกร่งภายในจิตใจของนักกีฬาที่ต้องลงแข่งขันท่ามกลางสภาวะความกดดันที่ทุกคนต่างมีคาดหวังจะเป็นตัวนักกีฬาทีมชาติไทย ซึ่งในศึกคัดตัวดังกล่าว “ออมสิน” ได้สัมผัสความรู้สึกครบทุกรสชาติ ทั้ง สุข เศร้า เหงา ท้อ และต้องไปลุ้นกันถึงรอบสุดท้าย ในรอบจัดอันดับ 5-8 กว่าจะมาสมหวังได้เป็นตัวแทนทีมชาติไทยอีกสมัย

“ในการคัดทีมชาติครั้งนี้ต่างจากครั้งที่แล้วอย่างสิ้นเชิง ด้วยความคาดหวังที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้หนูกดดันตัวเองมากเกินไปด้วย จนรู้สึกแย่ไปเอง ก่อนที่จะแข่งในรอบจัดอันดับ หนูรู้สึกอึดอัดแบบบอกไม่ถูก ไม่มีความมั่นใจเลย ทั้งเครียด กลัวไม่ติด แต่ก็มาได้กำลังใจดีๆ จากพี่ชายที่บอกกับหนูว่า “ให้เอาตัวเองลงไปเล่นคนเดียว โดยไม่ต้องแบกความหวังคนอื่นลงไปในสนามด้วย ถึงจะคัดไม่ติด พี่ก็ยังเชียร์เหมือนเดิม” คำพูดเพียงเท่านี้ทำให้หนูมีกำลังใจ เริ่มมีความมั่นใจกลับมา สามารถเอาชนะใจตัวเอง จนทำได้อย่างที่ตั้งเป้าไว้” ออมสิน เผยถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก และการเอาชนะใจตัวเองให้ได้ก่อนจะชนะคู่แข่ง

“ก่อนหน้านี้หนูไม่คิดมาก่อนว่าจะติดทีมชาติเร็วขนาดนี้ เกินคาดตั้งแต่ติดตัวจริงไปแข่งจนได้เหรียญทองแดงกลับมา มันเกินเป้าที่ตั้งเอาไว้หมดเลย รู้สึกดีใจมากค่ะ การติดทีมชาติครั้งแรก และได้เหรียญทำให้ภาพความทรงจำในซีเกมส์ของหนูเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากๆ ส่วนในซีเกมส์ครั้งนี้ ตั้งเป้าไว้ว่าอยากทำได้ดีกว่าเดิม ด้วยการผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศให้ได้” ออมสิน กล่าวทิ้งท้าย

“ออมสิน” เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีของคนที่เคยคิดยอมแพ้ ก่อนจะลุกขึ้นสู้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนสามารถเอาชนะหัวใจตัวเอง และนำพาไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จ.

#สมาคมกีฬาลอนเทนนิส#เทนนิส#ลอนเทนนิส#Tennis#ทีมชาติ#ซีเกมส์2021#ซีเกมส์ครั้งที่31#อัญชิสาฉันทะ#AnchisaChanta

LTAT