“สอง” ยุทธนา เจริญผล ยึดคำสอนจากครอบครัว-บ้าน “ศรีชาพันธุ์” ปลดล็อกตัวเองก้าวสู่ “ทีมชาติไทย”

Written by LTAT Admin

“สอง” ยุทธนา เจริญผล
ยึดคำสอนจากครอบครัว-บ้าน “ศรีชาพันธุ์”
ปลดล็อกตัวเองก้าวสู่ “ทีมชาติไทย”

คอลัมน์ : เปิดตัวทีมชาติ 2564

“สอง” ยุทธนา เจริญผล
ยึดคำสอนจากครอบครัว-บ้าน “ศรีชาพันธุ์”
ปลดล็อกตัวเองก้าวสู่ “ทีมชาติไทย”

“ในที่สุด ผมก็ได้ติดทีมชาติไทยแล้วครับ!”
นี่คือคำพูดของ ยุทธนา เจริญผล นักเทนนิสหนุ่มวัย 20 ปี ที่บอกด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มพร้อมกับน้ำเสียงผ่านอารมณ์ดีใจสุดๆ ชนิดที่คนฟังยังอดดีใจด้วยไม่ได้… อาการดีใจของ ยุทธนา หรือชื่อเล่นที่เพื่อนๆ เรียกว่า “สอง” ไม่ได้มาจากผลงานติดทีมชาติไทยเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากการที่เขาสามารถปลดล็อกออกจากความรู้สึกแย่ๆ ที่ทำให้เขามีความคิดอยากเลิกเล่นกีฬาเทนนิส

ก่อนจะล้วงลึกถึงต้นสายปลายเหตุที่ทำให้ ยุทธนา มีความคิดเช่นนั้น ขอแนะนำให้รู้จักก่อนว่าเขาเป็นใครมาจากไหน

ยุทธนา เป็นชาวจังหวัดอ่างทอง เป็นลูกชายคนเดียวของ คุณพ่อประสาน และคุณแม่ดวงใจ เจริญผล จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรี ปัจจุบันเป็นนักศึกษา คณะรัฐศาสตร์ ปี 3 มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี

หนุ่มอ่างทองคนนี้ หัดจับแร็กเก็ตตอนอายุ 8 ขวบ หลังจากคุณพ่อพาไปฝากให้ ครูพิสิทธิ์ รักซ้อน, ครูอรรคทัต สร้อยสุวรรณ และ ครูพชรพล คำสมาน หรือ “โค้ชเอ็กซ์” ช่วยกันถ่ายทอดวิชาการตีลูกสักหลาดให้ ด้วยความหวังที่อยากเห็นลูกชายได้เล่นกีฬา

เมื่อได้รับพื้นฐานและทักษะที่ดีแล้ว “คุณป้าจอย” นภัส เจริญผล รับอาสาพา ยุทธนา ไปแข่งขันตามสนามต่างๆ แทนคุณพ่อและคุณแม่ที่ติดดูแลธุรกิจของครอบครัว ร้านอาหาร “เล็กบ้านรอ” ในตัวเมืองอ่างทอง

ก่อนที่ ยุทธนา จะไปสมัครเป็นลูกศิษย์ของ “ซูเปอร์บอล” ภราดร ศรีชาพันธุ์ ตำนานเทนนิส อดีตมืออันดับ 9 ของโลก ที่เปิดอะคาเดมี่ขึ้นมา ในโครงการ “ทรู อารีน่า-ภราดร อินเตอร์เนชั่นแนล เทนนิส อะคาเดมี” และรับดูแล ยุทธนา ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน

ย้อนไปวัยเยาว์ บนเวทีการแข่งขัน “สอง” เคยได้แชมป์ พบกับความสำเร็จระดับหนึ่ง แต่ก็ยังก้าวไม่ถึงระดับเยาวชนทีมชาติ หลังมีโอกาสได้ร่วมการแข่งขันคัดเลือกตัว รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ถึง 2 ครั้ง ต่อมาขยับเข้าสู่สังเวียนการคัดเลือกตัวทีมชาติรุ่นใหญ่เป็นครั้งแรก ในช่วงเดือน ก.พ.ปี 2563 แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเริ่มมีความคิดแง่ลบกับฟอร์มของตัวเอง

ความคิดแย่ๆ เริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างใหญ่ขึ้น ซึ่งมาจากความพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จอดป้ายตั้งแต่รอบแรกรอบสองหลายรายการ ทั้งๆ ที่พร้อมเต็มที่ในทุกครั้งที่ลงสนาม เขาต้องเจอกับสถานการณ์แบบนั้นเกือบครึ่งปี ภาพความผิดหวังวนเวียนซ้ำอยู่ในหัว ทำให้เขาหมดกำลังใจที่จะไปต่อ จึงตัดสินใจคุยกับ “โค้ชภราดร” และขอหยุดเล่นกีฬาเทนนิส

“ช่วงที่ผมหยุดเล่น รู้สึกเหมือนมีอะไรหายไปและคิดถึงเทนนิสมาก จึงตัดสินใจคุยกับพี่บอล ซึ่งสอนผมเยอะ ผมคุยกับพ่อและแม่ ท่านก็ให้กำลังใจ ให้มุ่งมั่นตั้งใจใหม่ อย่าไปกดดันตัวเอง ก็รู้สึกดีขึ้น

นอกจากนี้ ผมโชคดีที่ได้คุยกับพี่เบิ้ม (ดร.ธนากร ศรีชาพันธุ์) ท่านให้กำลังใจและบอกว่าเข้าใจอารมณ์ที่ผมเป็น พร้อมยกตัวอย่างว่าสมัยที่พี่บอลไปเล่นเทนนิสอาชีพ เคยเจอสถานการณ์แย่ๆ แบบนี้ แพ้รอบแรก 7 รายการติด พี่บอลก็ไม่อยากจะตีต่อแล้ว แต่ก็ต้องตีเพื่อลบล้างอารมณ์ตรงนั้นออกไปให้ได้ ทำให้ผมคิดได้ว่าขนาดพี่บอลยังทำได้ แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้ ก็เลยเปลี่ยนความคิด แล้วกลับมาเล่นเทนนิสต่อ เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น” ยุทธนา เล่าให้ฟัง

เมื่อพยายามลบความคิดแย่ๆ ออกไป “สอง” ดึงความมุ่งมั่นเข้ามาแทนที่แล้วตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อม เพื่อรอเวลาทดสอบตัวเองบนสังเวียนอีกครั้ง ซึ่งในที่สุดเขาก็เริ่มทำได้ดี จากตกรอบแรกขยับเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ และที่เจ๋งที่สุดคือ ยุทธนา สามารถคว้าแชมป์อาชีพรายการแรกของตัวเองได้สำเร็จ จากศึกเทนนิส “หัวหิน โอเพ่น 2020” ช่วงเดือน พ.ย. เรียกว่าเป็นของขวัญที่มาได้ถูกที่ถูกเวลามาก เพราะมันทำให้ ยุทธนา เริ่มมีกำลังใจที่ดีขึ้น แม้ยังไม่ถึงร้อยเปอร์เซนต์ก็ตาม

ยุทธนา ตัดสินใจพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ในศึกคัดเลือกทีมชาติไทยชุดใหญ่ ประจำปี 2564 ของสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ต้องฝ่าด่านหินตั้งแต่รอบแรกจนถึงรอบสุดท้าย กระทั่งทำได้สำเร็จ “ยุทธนาได้เป็นนักเทนนิสทีมชาติไทยชุดใหญ่สมัยแรก” ซึ่งมันคือกุญแจดอกสำคัญที่ช่วยให้เขาสามารถปลดล็อกตัวเองออกจากความรู้สึกแย่ๆ ที่ทำให้คิดอยากเลิกเล่นกีฬาเทนนิสได้ทั้งหมดด้วย

“ผมดีใจมากครับที่ทำสำเร็จ พยายามมาตั้งแต่เยาวชน ทำให้มีกำลังใจอยากเล่นเทนนิสต่อไป โดยตอนแรกไม่ได้หวังว่าจะเป็นทีมชาติตัวจริง เพราะฟอร์มยังหลุดเยอะ แต่โชคดีที่พี่บอล และพี่แมน (ณัฐนนท์ กัจฉปานันท์) ช่วยดึงกลับมา สอนให้ผมอดทน ถ้าอดทนแล้วทุกอย่างจะมาเอง สอนให้ผมเต็มที่กับทุกรอบ ให้พยายามดึงความสามารถออกมาใช้ให้มากที่สุด ทางครอบครัวก็ดีใจมากครับ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญ คอยให้กำลังใจผมตลอด ทำให้ผมกลับมาได้ ดีใจที่ได้ติดทีมชาติชุดเดียวกับเพื่อนๆ อย่าง บูม (กษิดิศ สำเร็จ) และ แซค (ฐานทัพ สุขสำราญ)” ยุทธนา กล่าว

ก่อนหน้านี้ ใช่ว่า “สอง” จะไม่มีผลงานด้านกีฬาเทนนิส เพราะนอกจากผ่านเข้ารอบลึกๆ แล้ว ยังเคยได้แชมป์และรองแชมป์มาหลายรายการ อาทิ แชมป์ประเภทชายเดี่ยว รายการ “สิงห์แกรนด์แสลมเอ็กซ์พีเรียนซ์” พร้อมคว้าสิทธิ์ไปร่วมชม ออสเตรเลียน โอเพ่น 2017, แชมป์ประเภทชายเดี่ยว เทนนิสไอทีเอฟ จูเนียร์ เกรด 4 รายการ “เอจีเอส 7 จูเนียร์ เทนนิส แชมเปี้ยนชิพส์ 2017” ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย, รองแชมป์ประเภทชายเดี่ยว “พีทีที-ไอทีเอฟ จูเนียร์ เกรด 4” ปี 2017 ที่ประเทศไทย รองแชมป์ประเภทชายเดี่ยว รายการ “สิงห์ไทยแลนด์มาสเตอร์ส 2019” และรองชนะเลิศ ประเภทชายคู่ เทนนิสอาชีพ รายการ “ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนชิพ” ครั้งที่ 2 ปี 2021 เป็นต้น

กับคำถามที่ว่า ยุทธนา ได้อะไรบ้าง? จากการที่ได้เรียนกับยอดนักหวดอย่าง ภราดร ศรีชาพันธุ์ ที่ถือเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของคนไทย “ตอนแรกที่ทราบข่าวว่าพี่บอลเปิดอะคาเดมี่ ผมสนใจมากครับ เพราะอยากได้ประสบการณ์ดีๆ จากพี่บอล หลังจากที่ได้คุยกันแล้ว ความคิดของผมกับพี่บอลคล้ายๆ กันหลายเรื่อง สไตล์การเล่นก็คล้ายๆ กัน ผมเล่นสไตล์บุกหนัก ดุดัน และทุกครั้งก่อนลงทำการแข่งขัน พี่บอลจะบอกกับผมเสมอว่า ตีให้เต็มที่ เล่นให้สนุก เขาไม่เคยกดดันผมเลย บอกแค่ว่าถ้าเราสนุกกับมันแล้วสิ่งดีๆ จะตามมาเอง

หลังจากที่ได้เรียนกับพี่บอล สิ่งที่ผมเปลี่ยนแปลงคือ สไตล์การเล่นและความแข็งแรงของร่างกาย ตอนแรกผมไม่มีความมั่นใจในการตีของตัวเองเลย เปอร์เซนต์ในการยิงลูกก็ไม่ดี ไม่มีความแน่นอน พี่บอลช่วยปรับความคิด เสริมเทคนิคให้ ทำให้ผมมีความมั่นใจในการตีมากขึ้น กล้าได้กล้าเสีย กล้าที่จะตีให้ลงมากขึ้น

นอกจากพี่บอล ก็มีพี่แมน (ณัฐนนท์ กัจฉปานันท์) ซึ่งอยู่ในทีมงานเดียวกัน ก็สอนผมเยอะ เมื่อก่อนผมเล่นดับเบิ้ลไม่ได้เลย พี่แมนช่วยมาเติมเต็มการเล่นหน้าเนตให้ผม เพราะปกติผมจะเล่นท้ายคอร์ตได้อย่างเดียว และยังทำให้ผมตีได้เหนียวแน่นมากขึ้น เพิ่มเปอร์เซนต์ในการตีให้เยอะขึ้นด้วย”

ส่วนประเด็นคำถามที่ว่า ยุทธนา ตั้งเป้าในการรับใช้ชาติในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม ช่วงปลายปีนี้ ไว้อย่างไรบ้าง? รวมถึงอนาคตในการเล่นเทนนิสของตัวเอง

“เป็นซีเกมส์ครั้งแรกของผมครับ น่าจะสนุก เป็นอีกรายการให้ผมได้แข่งกับตัวเอง ถ้ามีโอกาส จะพยายามนำเหรียญกลับมาให้ได้ พี่บอลเล่าถึงบรรยากาศในซีเกมส์ให้ฟังว่า กองเชียร์เจ้าถิ่นเยอะมาก ผมชอบเล่นท่ามกลางคนดูเยอะๆ ผมไม่ได้อยากโชว์นะ แต่มันทำให้ผมอยากแสดงความสามารถออกมาให้คนดูได้ประทับใจ ผมเล่นเพราะรักกีฬาเทนนิส ผมจะพยายามขึ้นไปเล่นเทนนิสอาชีพให้ได้ ผมมีโอกาสมีโค้ชที่เคยผ่านการเล่นระดับโลกมาแล้ว มีประสบการณ์ในการแข่งรายการใหญ่ๆ หลายรายการอย่างพี่บอล ฉะนั้น ถ้ามีโอกาส ผมจะขึ้นไปแข่งแกรนด์สแลมให้ได้ครับ ผมอยากได้ประสบการณ์จากพี่บอล เพื่อทำให้ผมมีโอกาสติดท็อป 100 ของโลกให้ได้ครับ”

และกับคำถามที่ว่า ยุทธนา สามารถก้าวมาถึงจุดนี้ได้ อยากจะบอกอะไรกับใครบ้าง?
“อันดับแรก ผมต้องกราบขอบคุณพ่อกับแม่ และป้าจอยด้วยครับ ทุกคนไม่เคยมีใครกดดันผมเลย มีแต่ให้กำลังใจ อยากบอกขอบคุณโค้ชทุกท่านที่สอนผมมาตั้งแต่เด็ก รวมถึงทีมงานโค้ชชุดปัจจุบัน พี่บอล พี่เบิ้ม และพี่แมน ที่ทำให้ผมมีความมั่นใจว่าผมทำได้ และทุกคนก็ยังแสดงออกว่าเชื่อมั่นในตัวผม รวมทั้งขอบคุณบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด และสมาคมกีฬาลอนเทนนิสฯ ขอบคุณอายิ้ม (คุณไทยทนุ วรรณสุข) ที่ให้การสนับสนุนด้วยครับ”

นักเทนนิสหนุ่มทีมชาติไทยจากเมืองอ่างทอง “สอง” ยุทธนา เจริญผล ผู้ชื่นชอบ “อังเดร รูเบลฟ” นักเทนนิสจากรัสเซีย มืออันดับ 7 ของโลกในปัจจุบัน ยังได้กล่าวปิดท้ายบทสนทนาด้วยการเปิดเผยถึงคติประจำใจที่นำมาใช้จนเห็นผล

“ถ้าเราเชื่อว่าตัวเองทำได้ เราก็จะทำได้ นี่คือคติประจำใจของผมครับ ตั้งแต่ผมเปลี่ยนวิธีการคิดมาเป็นแบบนี้ ทำให้ผมมีโอกาสได้พบกับความสำเร็จ เห็นได้จากการได้แชมป์ หัวหิน โอเพ่น จนมาถึงได้ติดทีมชาติไทย เพราะถ้าเราคิดว่า เราทำไม่ได้ มันก็เหมือนเป็นการบล็อกตัวเราเองไม่ให้ทำได้ แต่ถ้าเราเชื่อว่าเราทำได้ เราก็จะทำได้ เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมาย ซึ่งเป็นคำสอนของพี่บอล ภราดร ศรีชาพันธุ์ ครับ” ยุทธนา กล่าวทิ้งท้ายก่อนขอตัวไปฝึกซ้อมเทนนิส กีฬาที่เขารักสุดหัวใจ.

#สมาคมกีฬาลอนเทนนิส#เทนนิส#ลอนเทนนิส#Tennis#ทีมชาติ#ซีเกมส์2021#ซีเกมส์ครั้งที่31#ยุทธนาเจริญผล#yuttanacharoephon

LTAT