ความรักและความสำเร็จ ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดของนักเทนนิสอาชีพ

Written by LTAT Admin

ความรักและความสำเร็จ
ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดของนักเทนนิสอาชีพ

ถึงแม้ว่านักเทนนิสบางคนจะทำผลงานได้ดีขนาดไหน แต่มันก็มีช่วงเวลาที่พวกเขาไม่มีความสุขกับการเล่นเทนนิส มันเป็นเรื่องของสภาพจิตใจและทัศนคติ

อังเดร อากัสซี่ ยอดนักเทนนิสชาวอเมริกัน ที่เป็นตำนานในวงการหวดลูกสักหลาด เคยออกมายอมรับในอัตชีวประวัติของตัวเองว่า ถึงแม้จะเกลียดเทนนิสขนาดไหน แต่ก็ต้องเล่นมันต่อไป เพราะเป็นหนทางในการหาเงินมาเลี้ยงชีพตัวเอง

“ผมจะต้องสร้างสมดุลย์ระหว่างเทนนิสกับชีวิต เพราะผมเกลียดเทนนิสในหลายๆ ช่วงของชีวิต ผมจะไม่ซ้อมในช่วงคริสต์มาสหรือปีใหม่ เพื่อให้ร่างกายพร้อมกับฤดูกาลใหม่ แต่ผมจะฉลองกับครอบครัว” อากัสซี่กล่าว

ด้านโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ แชมป์แกรนด์สแลม 20 สมัยชาวสวิส ก็เคยมีช่วงเวลาแบบนี้ ย้อนไปในปี 1999 ตอนนั้นเฟดกำลังจะเข้าสู่ท็อป 100 ของโลก แต่ก็ยังลงไปไม่ต่ำกว่าที่ 120 ของโลกเป็นเวลาถึง 6 เดือน ทำให้รู้สึกแย่กับตัวเองมากๆ

“สำหรับนักเทนนิสอาชีพมันจะมีช่วงเวลาที่อยากจะเลิกเล่น เพราะแพ้บ่อย หรือเดินทางบ่อยจนเกินไป บางครั้งก็บอกตัวเองแบบขำๆ ว่า ก็แค่เลิกเล่นไปก็เท่านั้น เพราะไม่ว่าจะพยายามซ้อมมากขึ้นขนาดไหน แต่มันก็ไม่ดีขึ้น การจะทำให้ความรู้สึกแบบนั้นหายไป ก็ต่อเมื่อกลับมาชนะได้เท่านั้น” เฟดกล่าว

นักหวดมือ 8 ของโลก กล่าวว่า วันที่คว้าแชมป์วิมเบิลดันครั้งแรก เมื่อปี 2003 ตอนนั้นขึ้นมาเป็นท็อป 10 ของโลกแล้ว การคว้าแชมป์วิมเบิลดันเป็นเหมือนตัวกระตุ้นให้กลับมาย้อนมองดูตัวเองว่า เคยคิดจะเลิกเล่นไปได้อย่างไร มันเป็นเรื่องที่บ้ามากๆ หรือแม่แต่นิค เคียริออส นักเทนนิสออสเตรเลีย บอกว่าตัวเองไม่ค่อยชอบเทนนิสเลย แต่กลับชอบบาสเกตบอลมากๆ ตอนอายุ 14 ปี เปลี่ยนจากการเป็นนักบาสเกตบอลมาเล่นเทนนิส ทั้งๆ ที่ไม่ได้รักมัน ทุกวันนี้ก็ยังคิดแบบนั้นและยังรักบาสเกตบอลมากเหมือนเดิม แต่ก็ต้องสนใจบาสให้น้อยลง เพราะไม่อย่างนั้นก็จะเสียสมาธิไปจากเทนนิสมากๆ

แซนดร้า ซานีฟสก้า อดีตนักเทนนิสโปแลนด์ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นโค้ช เล่าเรื่องราวที่น่าสนใจของตัวเองว่า เมื่อปี 2012 ได้โอกาสไปแข่งขันแกรนด์สแลม “วิมเบิลดัน” และผ่านรอบคัดเลือก เข้าสู่เมนดรอว์ได้ เมื่อดูดรอว์แล้วด้วยความมั่นใจก็ตั้งเป้าว่าอาจจะเข้าไปลึกถึงรอบสี่ ซึ่งอาจจะมองว่าเป็นการตั้งเป้าให้ไกลเพื่อกระตุ้นตัวเอง หรือดูเป็นเรื่องเพ้อฝันก็ได้

วิมเบิลดัน 2012 เป็นแกรนด์สแลมแรกและแกรนด์สแลมเดียวในชีวิตของซานีฟสก้า เธอตกรอบแรก และยอมรับว่าไม่มีความสุขที่น่าจดจำอะไรกับทัวร์นาเมนต์นั้นในช่วงแรกที่ตกรอบ และไม่พยายามหาคำตอบ หลังจากนั้นซานีฟสก้าก็เจออาการบาดเจ็บเล่นงาน จนเริ่มสับสนว่าจริงๆ แล้วตัวเองเป็นนักเทนนิสหรือไม่ หรืออาจจะทำอะไรกันแน่ มีอะไรที่สามารถทำได้อีกหรือไม่ แต่ก็ยังหาคำตอบไม่เจอ จนที่สุดได้คุยกับโค้ช เอลิเซ่ ทามาเอล่า และมีคำพูดหนึ่งซึ่งทำให้ตกตะกอนในความคิดตัวเอง

“เธอไม่ใช่นักเทนนิสหรอก เธอก็แค่เล่นเทนนิส”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ทำให้กลับมาคิดว่าอะไรกันแน่ที่เป็นความสุขในการเล่นเทนนิส เพราะการเป็นมือ 120 ของโลกในช่วงเวลาหนึ่ง อาจจะมีความสุขกว่าการเป็นมือ 1 ของโลกก็ได้ มันขึ้นอยู่กับการมองตัวเอง

ซานีฟสก้าทิ้งท้ายไว้น่าสนใจว่า ชีวิตใครคนหนึ่งไม่ได้ดีหรือเลวเพราะการชนะหรือแพ้ในการเล่นเทนนิส แต่มันขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่ามองมันแบบไหน และต้องไม่หยุดที่จะเป็นคนที่ดีขึ้น ดีทั้งกับตัวเองและกับคนรอบตัว

ความสำคัญในการเล่นเทนนิสไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่จิตใจก็เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ

ภาพจากwww.tennis365.com
www.wsj.com
www.denverpost.com
www.wtatennis.com

LTAT