ไม่ประมาท วางแผนดี เตรียมตัวแน่น “เจได”ฝ่าวิกฤติโควิดสู่สนามแข่งอาชีพ

Written by LTAT Admin

ไม่ประมาท วางแผนดี เตรียมตัวแน่น
“เจได”ฝ่าวิกฤติโควิดสู่สนามแข่งอาชีพ

ไม่ประมาท วางแผนดี เตรียมตัวแน่น
“เจได”ฝ่าวิกฤติโควิดสู่สนามแข่งอาชีพ

แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังสร้างปัญหาให้ผู้คนทั่งโลก
แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าตามสร้างฝัน การก้าวสู่ความสำเร็จในการเล่นเทนนิสอาชีพของนักเทนนิสเยาวชนวัย 17 ปีของไทย “เจได” เครดิต ไชยรินทร์ ที่กำลังอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการแข่งขันเทนนิสอาชีพ และเก็บคะแนนสะสมไต่เต้าก้าวสู่ระดับอาชีพ

เจได พร้อมครอบครัวได้เดินทางไปฝึกซ้อมอยู่ที่ฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา ที่ที่เขาได้มาปักหลักฝึกซ้อมเทนนิสมาตั้งแต่ปี 2558 ในขณะที่อายุเพียง 11 ขวบ หลังมีโอกาสได้ลงแข่งเทนนิสเยาวชนรายการ “ออเร้นจ์โบว์ล”นั่นเอง

ช่วงปลายปี 2563 แม้จะรู้ดีว่ามี”ความเสี่ยง” กับติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เจได ได้ออกเดินทางไปแข่งเทนนิสอาชีพที่โดมินิกัน แม้จะโชคไม่ดีถูกโจรปล้นโทรศัพท์มือถือ และทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม

ต้นปี 2564 เจได และครอบครัวได้เดินทางมาที่ตุรกี เพื่อลงแข่งขันเทนนิสอาชีพที่นี่ เป็นเวลา 8 สัปดาห์ติดต่อกัน

ถามว่า…เจได ไม่กลัวไวรัสโควิด-19 เหรอ???
เจได บอกว่า…กลัวสิครับ!
“แต่ถ้าความกลัวมันทำให้ผมต้องหยุดแข่งขัน ไม่มีโอกาสได้รับประสบการณ์จากการแข่งขัน หรือ ซ้อมอยู่กับที่ไม่มีโอกาสได้เจอคู่แข่งที่เก่งๆ ได้ซ้อมกับคนเก่งๆและไม่มีโอกาสพัฒนาอันดับโลกให้ตัวเอง ผมยอมเสี่ยงออกเดินทางไปแข่งขันดีกว่า ผมไม่ยอมให้โควิดมาเป็นอุปสรรคต่อการเล่นเทนนิสของผมเด็ดขาด”

และในทุกๆความเสี่ยงนี้ เจได บอกว่า เมื่อเรารู้ปัญหาของโควิด -19 ไวรัสที่ไม่ใช่ว่าจะติดได้ง่ายๆ หากเรามีการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และ ระมัดระวังตัวเองอย่างดี

“โควิดมีอยู่ทุกประเทศที่อเมริกาก็เยอะ พ่อกับแม่ และตัวผมและน้องเองก็ศึกษาข้อมูลในการดูแลตัวเอง และเตรียมอุปกรณ์ในการป้องกันตัว ทั้งหน้ากากอนามัย เจลแอกอฮอล์ น้ำยาทำความสะอาดอุปกรณ์เทนนิสและเสื้อผ้าอย่างเต็มที่” แต่การเดินทางออกแข่งขันในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังต่างประเทศนี้ เจได บอกว่า แม้จะมีความยุ่งยากเพิ่มขึ้น คือ การเข้าประเทศตุรกี ต้องมีการไปตรวจหาเชื้อโควิดเพื่อให้แพทย์ออกใบรับรองผลการตรวจหาเชื้อภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง แต่ถ้าเราไม่มีเชื้อก็สามารถเดินทางได้เลย “ที่ตุรกีก็เป็นอีกประเทศที่มีผู้ติดเชื้อพอสมควร ผมกับครอบครัวก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ตั้งแต่ลงเครื่องบินมาที่พัก ระหว่างไปสนามแข่งขัน หรือแม้กระทั่งไปซื้อของในซูเปอร์มาเก็ต”

“ส่วนใหญ่ผมจะใช้เวลาอยู่ที่สนามกับที่พัก มีบ้างที่ต้องไปซื้อของพ่อก็จะเลือกสถานที่และเวลาที่คนไปกันไม่เยอะ ซื้อเสร็จก็กลับที่พักทันที ช่วงแข่งก็จะอยู่แต่ในสนาม ห้องน้ำ หรือ ที่พักก็จะเลือกเป็นที่ประจำ และจะไม่รับประทานข้าวในห้องอาหาร แม่จะทำกับข้าวเตรียมของว่างให้มากินในสนามเลยเพื่อความสะอาดปลอดภัย ซึ่งผมก็ชอบเพราะแม่จะทำอาหารไทยและหลากหลายกว่าอาหารในยุโรปที่มีราคาแพง”

ส่วนมาตรการการป้องกันไวรัสของฝ่ายจัดการแข่งขัน เจได บอกว่า ทั้งของสหพันธ์เทนนิสนานาชาติ(ไอทีเอฟ) กับ ฝ่ายจัดฯที่ตุรกี มีมาตรการป้องกันที่เข้มงวดมาก เพิ่มความอุ่นใจให้ตัวเองได้เยอะทีเดียว

“การเข้าสนามจะจำกัดจำนวนคน ให้เข้าได้เฉพาะนักกีฬากับโค้ชอีก 1 คนเท่านั้น อย่างผมกับพ่อเข้าได้ แต่แม่กับมะปรางเขาไม่ให้เข้าเลย และ ทุกครั้งที่จะเข้าสนามไอทีเอฟจะให้เรากรอกเอกสาร มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย และที่สนามทุกสนามมีเจลแอกอฮอล์ติดไว้หน้าประตูสนาม มีหน้ากากอนามัยวางไว้ให้ในทุกจุดของสนาม และ ไม่มีการสัมผัสตัวกันระหว่างนักกีฬา กรรมการ ก็เป็นมาตรการป้องกันตามหลักสากลทั่วไป และถ้าพบว่ามีนักกีฬาที่อุณหภูมิร่างกายสูงเกินปกติก็จะมีแพทย์มาตรวจอย่างละเอียด และ มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด”

“ช่วงที่อยู่สนามพ่อได้เตรียมเสื้อผ้ามาให้ผมเปลี่ยนหลายชุด เราจะล้างมือกันบ่อยมาก และพอกลับไปบ้านพักก็จะซักเสื้อผ้า ทำความสะอาดอุปกรณ์เทนนิส ทั้งแร็กเกต กระเป๋า หมวก ด้วยน้ำยาแอกอฮอล์ทุกครั้ง อาจจะดูยุ่งยากไปสักหน่อย แต่เราก็ต้องทำเพื่อความไม่ประมาท”

เจได บอกว่า ตนไม่อยากให้โควิดมาเป็นอุปสรรคในการออกแข่ง เราสามารถเดินทางไปแข่งขันเทนนิสได้ถ้าเราดูแลตัวเองมากขึ้น อย่างตนกับครอบครัวมาที่ตุรกีเราไม่ได้คิดว่าจะต้องกลัวติดโควิดเลย เราใช้ชีวิตแบบปกติ ทำทุกอย่างให้เป็นปกติเพื่อเอาสมาธิไปอยู่ที่การแข่งขัน และ ฝึกซ้อมเท่านั้น เพราะเราเตรียมพร้อมและมีอุปกรณ์ป้องกันตัวเองมาอย่างดี

“ผมกลัวจะไม่ได้แข่งเทนนิสมากกว่า ผมจึงวางแผนมาที่ตุรกีเพราะที่นี่มีแมตช์แข่งยาว 8 สัปดาห์ มาแล้วก็ต้องอยู่ให้คุ้ม แม้ว่าผมยังต้องพยายามผ่านรอบคัดเลือกเข้าเมนดรอว์ให้ได้ และแม้ว่าจะเป็นเรื่องยากหากจะหวังเก็บชัยชนะทุกๆแมตช์ แต่ผมมีความสุขกับการได้เล่นได้แข่งเทนนิส โดยเฉพาะสนามดินที่นี่ช่วยให้ผมได้ประสบการณ์ดีๆเยอะมาก”

เจได กล่าวอีกว่า ตนเองไม่เคยท้อหากจะเจอกับความพ่ายแพ้มากกว่าการได้รับชัยชนะ เพราะทุกครั้งที่แพ้จะทำให้รู้ถึงจุดอ่อนและสิ่งที่ตัวเองต้องพัฒนาต่อไป

“การเจอคู่แข่งที่เก่งจะทำให้เราเรียนรู้เทคนิคและสิ่งใหม่ๆที่จะทำให้ฝีมือเราพัฒนาขึ้น ผมเพิ่งเริ่มแข่งอาชีพ อาจจะแพ้มากกว่าชนะ แต่ผมก็ไม่ท้อ ผมจะเอาความพ่ายแพ้มาเป็นพลังเพื่อกระตุ้นให้ตัวเองพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้น”

ด้วยทัศนคติที่เปรียบ “ความพ่ายแพ้ “คือ “พลัง” และ “ชัยชนะ”คือ “ความสำเร็จ” สร้างกำลังใจให้ “เจได” เครดิต ไชยรินทร์ นักหวดไทยวัย 17 ปีกล้าที่จะฝ่าวิกฤติโควิด-19 ก้าวสู่สนามแข่งขันบันไดที่จะพาไปสู่ความสำเร็จในการเป็นนักเทนนิสอาชีพที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต

LTAT