แนะจับตาคลื่นลูกใหม่ “แพตตี้” พิมพ์รดา จัตวาพรวนิช นางเอกเวทีเทนนิสทีมชาติไทย

Written by LTAT Admin

แนะจับตาคลื่นลูกใหม่
“แพตตี้” พิมพ์รดา จัตวาพรวนิช
นางเอกเวทีเทนนิสทีมชาติไทย

คอลัมน์ : เปิดตัวทีมชาติ 2564

แนะจับตาคลื่นลูกใหม่
“แพตตี้” พิมพ์รดา จัตวาพรวนิช
นางเอกเวทีเทนนิสทีมชาติไทย

หากเปรียบวงการกีฬาเทนนิสบ้านเราเป็นละครเรื่องหนึ่ง ล่าสุด มีตัวละครที่น่าสนใจ นั่นก็คือสาวน้อยวัย 17 ปี ที่มีนามว่า พิมพ์รดา จัตวาพรวนิช เป็นนักเทนนิสดาวรุ่งที่เพิ่งก้าวขึ้นมาติดทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นปีแรก

พิมพ์รดา จัตวาพรวนิช หรือที่เพื่อนๆ เรียกว่า “แพตตี้” เกิดวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ.2546 เป็นชาวกรุงเทพมหานคร จบมัธยมศึกษาตอนต้นจาก โรงเรียนจิตรลดา จบมัธยมศึกษาตอนปลายจาก โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และกำลังเข้าสู่รั้วของเหล่าปัญญาชน ในคณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยรังสิต

เธอเป็นน้องนุชสุดท้องแห่งบ้าน “จัตวาพรวนิช” เป็นลูกสาวสุดที่รักของ คุณพ่อธเนศ กับคุณแม่จันทิรา และเป็นน้องสาวสุดเลิฟของ พิมพ์พิชชา กับ นาธัน พี่สาวและพี่ชายตามลำดับ ซึ่งเป็นนักเทนนิสทั้งคู่ และเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้ “แพตตี้” อยากตีเทนนิสได้บ้าง เพราะจะได้เล่นกับพี่ๆ ได้

คุณพ่อธเนศ ย้อนถึงจุดเริ่มต้นของ “แพตตี้” กับกีฬาเทนนิสให้ฟังว่า “ตอนที่พี่สาวและพี่ชายไปซ้อมที่สนามเทนนิสทุ่งสีกัน ตอนนั้นแพตตี้อายุได้ 7 ขวบ ก็ตามพี่ๆ ไปด้วย ระหว่างที่รอก็ไปเล่นหลังคอร์ตคนเดียว เห็นลูกตีน๊อคบอร์ดคนเดียว ผมเห็นแววก็เลยให้เริ่มจับไม้เทนนิสตั้งแต่นั้นมาเลยครับ โดยมี ครูแจ๊ค (รุ่งฤทธิ์ ตาก้อง) เป็นโค้ชคนแรก เริ่มสอนเบสิคพื้นฐาน และเทคนิคแนวออลคอร์ต เล่นสไตล์ เกมรุก สอนจนถึงอายุ 12 ขวบ ก่อนที่จะส่งไม้ต่อให้ โค้ชหนึ่ง (ก้องภพ เลิศชัย) เจ้าของสแมชอิท อะคาเดมี่ แจ้งวัฒนะ ได้ดูแลต่อจนถึงปัจจุบัน”

วันเวลาผ่านไป “แพตตี้” ค่อยๆ เติบโตบนเส้นทางสายกีฬาเทนนิส ท่ามกลางแรงสนับสนุนจากครอบครัว เธอพยายามพัฒนาฝีมือ จนมีโอกาสได้เข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกเยาวชนทีมชาติไทยอยู่หลายหน ทว่า ไม่ประสบความสำเร็จดั่งที่หวัง กระทั่งมาทำได้ในปีสุดท้ายของระดับเยาวชน หลังจากที่เธอใช้กลเม็ดเคล็ดลับด้วยการ “เปลี่ยนความคิด” เรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง

“เมื่อก่อน เวลาแข่งขันกับนักเทนนิสที่รู้จักฝีมือและแร้งกิ้งของเขา หนูจะเอาเรื่องพวกนี้มากดดันตัวเองจนเล่นไม่ได้ เป็นแบบนี้อยู่นาน แข่งขันกว่า 10 รายการตกรอบแรกตลอด ผ่านไปเป็นปี กว่าจะได้แต้มไอทีเอฟ กระทั่งลองเปลี่ยนวิธีคิด ซึ่งเริ่มจากไปแข่งขันกับนักเทนนิสที่เราไม่รู้จัก ไปประเทศที่ยังไม่เคยไปแข่งขัน ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด ปรากฏว่า หนูก็สู้ได้ ทั้งๆ ที่เขาเป็นมืออันดับที่ดีกว่า จึงพยายามเลิกคิดแบบเก่า เมื่อเลิกคิดแบบนั้นได้ มันกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้หนูเล่นได้ดีขึ้นค่ะ” พิมพ์รดา ย้อนอดีตให้ฟัง

หลังจากเปลี่ยนความคิด เหมือนฟ้าเปิดกว้างสำหรับเธอ “แพตตี้” ขยับจากบทนักแสดงสมทบ ขึ้นรับบท “นักแสดงดาวรุ่ง” เป็นครั้งแรก

ตอนนั้นเธออายุได้ 15 ปี แต่สามารถเอาชนะรุ่นพี่ จนได้ครองแชมป์ประเภทหญิงเดี่ยว รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ในการแข่งขันเทนนิสเยาวชนเพื่อความชนะเลิศแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 56 ประจำปี 2561 พร้อมครองถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ต่อมาได้ร่วมทัพนักกีฬา “เมืองหลวง” กรุงเทพมหานคร ไปแข่งขันกีฬายุวชนโลก ครั้งที่ 52 ณ กรุงเยรูซาเล็ม รัฐอิสราเอล เดือน ส.ค.2561 ครั้งนั้น “แพตตี้” หวดได้สะใจกองเชียร์ กระชากเหรียญทองจากประเภทยุวชนหญิงเดี่ยวมาครองได้สำเร็จ!

เมื่อความมั่นใจทำงานเต็มที่ “แพตตี้” ยิ่งกระหายชัยชนะ ส่งผลให้เธอทำได้ดีอีกครั้ง ด้วยการคว้าแชมป์จากการแข่งขันคัดเลือกนักเทนนิสเยาวชนทีมชาติไทย ประจำปี 2562 ในรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี หญิง ซึ่งเป็นปีแรกที่เธอได้สวมเสื้อติด “ธงไตรรงค์” ในฐานะนักกีฬาตัวจริง

พิมพ์รดา เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น เมื่อเธอและเพื่อนร่วมทีมชาติอีก 2 คนคือ ลัลนา ธาราฤดี กับ ธมนพรรณ จงเลิศตระกูล มีภาพข่าวสลับกันลงบนสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์และสื่อโทรทัศน์อีกจำนวนมาก ตลอดช่วงที่มีการแข่งขัน จนกระทั่งร่วมกันคว้าแชมป์ศึกเทนนิสชิงแชมป์โลก ประเภททีมหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี รายการ “จูเนียร์ เฟดคัพ บาย บีเอ็นพี พาริบาส์” ปี 2019 รอบคัดเลือกรอบสุดท้ายของโซนเอเชีย/โอเชียเนีย ที่ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 20 เม.ย.

การครองแชมป์ จูเนียร์ เฟดคัพ ในฐานะ “แชมป์จากทวีปเอเชีย” เป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในรอบ 12 ปี ให้วงการเทนนิสไทย และยังทำให้ได้สิทธิ์ไปแข่งขัน “จูเนียร์ เฟดคัพ บาย บีเอ็นพี พาริบาส์” ปี 2019 รอบชิงชนะเลิศ 16 ทีมสุดท้ายของโลก ก่อนที่ “แพตตี้” และเพื่อนร่วมทีม จะช่วยกันคว้าอันดับ 6 ของโลก กลับมาสู่ประเทศไทย ซึ่งเป็นผลงานที่เกินเป้าหมาย จากที่หวังไว้แค่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเท่านั้น

นับเป็นการจุดประกายความหวังที่จะมีนักเทนนิสสายเลือดใหม่ของไทยก้าวขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่ในอนาคต

หลังจากนั้น “แพตตี้” ซึ่งมีสไตล์การเล่น ที่เน้นโจมตีจากท้ายคอร์ต ด้วย​สโตรคที่หนักหน่วง มีโอกาสได้ลงแข่งขันไม่มากเหมือนเดิม เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 แต่เมื่อมีโอกาสเธอก็ฉายแววความเก่งกาจ ด้วยการคว้าแชมป์ทั้งประเภทหญิงเดี่ยวและหญิงคู่ จากศึกเทนนิสอาชีพ “หัวหิน โอเพ่น 2020” นับเป็นแชมป์อาชีพรายการแรกของเธอด้วย

มาถึงปีนี้ “แพตตี้” ในวัย 17 ปี มีโอกาสได้ออดิชันอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ว่าเธอมีความสามารถและเหมาะสมกับบทบาทใหม่ที่จะได้รับหรือไม่

“แพตตี้” ได้เข้าร่วมการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่ง “ทีมชาติไทยชุดใหญ่” ประจำปี พ.ศ.2564 เธอพยายามโชว์ฟอร์มการเล่นของตัวเองให้ออกมาดีที่สุด มีทั้งแมทช์ที่ดีและไม่ดีคละเคล้ากันไป ก่อนจะใช้ “วิชาเอาตัวรอด” จากประสบการณ์การแข่งขันที่สะสมมา พาเธอก้าวสู่ประตู “ทีมชาติไทยชุดใหญ่” ได้สำเร็จเป็นปีแรก

“ดีใจมากค่ะ ไม่คิดว่าจะติด เพราะช่วงต้นปีทำผลงานได้ไม่ค่อยดี ในศึกคัดทีมชาติบางแมทช์ เล่นไม่ได้ตามมาตรฐาน ต้องใช้ประสบการณ์เอาตัวรอด พยายามตีให้ลงมากที่สุด จบแมทช์โดนโค้ชดุเยอะเลย แต่ในที่สุดก็ได้ติดทีมชาติชุดใหญ่ ถือว่าเกินคาดมากเลยค่ะ การได้เป็นทีมชาติ คือความภาคภูมิใจของนักกีฬา หนูรู้สึกดีมาก เวลาที่มีคนเรียกเราว่าทีมชาติ ดีใจมากค่ะที่ทำให้ครอบครัวภูมิใจ” ดาวรุ่งไทย กล่าว

การติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “แพตตี้” ได้ผ่านการออดิชัน ขยับจากบทนักแสดงดาวรุ่ง ขึ้นรับบท “นางเอก” เต็มตัวเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็น 1 ใน 5 นางเอกแห่งค่ายเทนนิสทีมชาติไทย ประจำปี 2564 และหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เธอจะแสดงฝีมือในเวทีกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม โดยแบกเป้าหมายเหรียญทองไว้บนบ่า เพราะอยากมอบเป็นของขวัญให้คนไทย อยากให้คนไทยได้ยิ้มและมีความสุข

นางเอกแห่งวงการเทนนิสทีมชาติไทยคนนี้ ยังมีฝันใหญ่ที่อยากไปให้ถึง นั่นคือการได้สวมบทบาท “นักเทนนิสแถวหน้าของโลก”

“หนูมีโอกาสได้ไปร่วมการแข่งขันเทนนิส รายการ ดับเบิ้ลยูทีเอ ฟิวเจอร์ สตาร์ ที่สิงคโปร์ ปี 2018 หนูได้รองชนะเลิศ รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี กลับมาด้วย แต่สิ่งที่หนูได้มากกว่านั้นคือ การมีโอกาสได้พบนักเทนนิสระดับโลก แสงสีเสียงและบรรยากาศต่างๆ มันกลายเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้หนูอยากไปเล่นรายการใหญ่ๆ อยากไปอยู่ ณ จุด ที่เขาประสบความสำเร็จกัน

หนูชื่นชอบนักเทนนิสทุกคนค่ะ เพราะเชื่อว่าทุกคนคือ นักสู้ที่ผ่านความเหน็ดเหนื่อย อดทน อดกลั้น มีความขยัน มุ่งมั่น กล้าคิด กล้าฝัน และลงมือทำความฝันให้เป็นจริง ดังนั้น จึงชอบทุกคนเลย และจะเอาเป็นตัวอย่าง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจกับให้ตัวเอง เขาทำได้ หนูก็ทำได้ค่ะ

ความตั้งใจอันดับแรกของหนูเลยคือ อยากเล่นเทนนิสเพื่อหารายได้ ส่วนอันดับสองคือ อยากไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากเกมระดับโลก เพราะประสบการณ์เป็นสิ่งที่ใช้เงินซื้อไม่ได้ ต้องไปทำเองค่ะ หนูฝันอยากติดท็อป 100 ของดับเบิลยูทีเอ หรือทำให้ได้มากกว่านั้น รวมทั้งได้ลงแข่งแกรนด์สแลมทั้ง 4 รายการด้วยค่ะ

ที่ผ่านมาหนูขอขอบคุณพ่อแม่ พี่พิมและพี่นาธันที่เป็นกำลังใจให้ค่ะ ตอนนี้พี่พิมเลิกเล่นแล้ว เปิดร้านขนมจีนทอดมันน้ำยาปู อยู่ในเมืองทอง แต่ว่างๆ ก็ยังแบ่งเวลามาให้กำลังใจหนูอยู่ค่ะ ขอบคุณโค้ชแจ๊ค และขอบคุณโค้ชหนึ่งที่เชื่อมั่นในตัวหนูมาตลอด อยู่ด้วยกันทุกความสำเร็จ ที่สำคัญคือต้องขอบคุณสมาคมกีฬาลอนเทนนิสฯ รวมทั้งผู้ใหญ่ใจดี ปตท. หรือ PTT และโยเน็กซ์ ที่สนับสนุนหนูมาตลอดค่ะ”

ใครที่เคยมีโอกาสได้ดูเธอแข่งขัน เมื่อได้อ่านการตอบคำถามของเธอแล้ว ก็คงชุ่มชื่นหัวใจไม่น้อยที่จะติดตามเชียร์กันต่อไป ทั้งในสนามแข่งขัน หรือทาง IG : pimrada_patty และ Facebook : patty pimrada jattavapornvanit

………
นั่นคือฝันใหญ่ของนักหวดสาวดาวรุ่ง ผู้ซึ่งได้รับบท “นางเอก” แห่งค่ายเทนนิสทีมชาติไทย และเป็นคลื่นลูกใหม่ที่น่าจับตา หากเธอไม่ถอดใจจากฝันใหญ่ที่แบกเอาไว้ไปเสียก่อน เชื่อว่ากองเชียร์จะมีโอกาสได้เห็น “แพตตี้” พิมพ์รดา จัตวาพรวนิช ก้าวเดินบนพรมแดงขึ้นรับรางวัลจากการแสดง (ฝีมือ) ในบทบาท นักเทนนิสทีมชาติ และบทบาท นักเทนนิสแถวหน้าของโลก จาก “ไทยแลนด์” ของเรา.

LTAT